2. ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันกระแสเรียกการเป็นสงฆ์นักบวชลดน้อยลง ดังนั้นจึงขอให้เราร่วมใจกันภาวนา ให้พระสงฆ์นักบวชที่มีอยู่  ได้ดำรงตนในความสนิทชิดเชื้อกับพระเจ้า และให้มีผู้สนใจเข้าเป็นพระสงฆ์นักบวชมากยิ่งขึ้น

ข.พระคัมภีร์และคำสอน

    1. บทอ่านที่หนึ่ง (กจ. 4:8-12): นักบุญเปโตรทำหน้าที่สงฆ์ของพระคริสต์อย่างกล้าหาญ โดยประกาศต่อหน้าบรรดาผู้นำชาวยิวว่าจะไม่มีความรอดพ้นจากบาปใด ๆ หากปราศจากพระเยซูเจ้า พระบุคคลที่พวกเขาได้ปฏิเสธกล่าวโทษ และนำไปตรึงกางเขน แม้ว่าพระองค์จะทรงกระทำแต่ความดี ช่วยเหลือคนเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ที่สุดพระองค์ได้ชนะความตายและได้ทรงกลับคืนชีพ

    2. บทอ่านที่สอง (1ยน. 3:1-2): นักบุญยอห์นยืนยันให้เราทราบว่าพระเจ้าซึ่งเป็นเสมือนชุมพาบาลที่ดีทรงรักเรา และโปรดให้เราได้เป็นบุตรของพระเจ้า

    3. พระวรสาร(ยน. 10:11-18) พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยว่าพระองค์เองว่าทรงเป็น “ชุมพาบาลที่ดี” ทรงรู้จักและรักแกะของพระองค์ ทรงพร้อมที่จะตายแทนหากมีอันตรายเกิดขึ้น

 

ค.ปฏิบัติ

    1. “ให้เราเป็นชุมพาบาลที่ดี” ทุกคนที่มีหน้าที่ต้องดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นก็คือชุมพาบาล ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ บราเดอร์ ซิสเตอร์ พ่อแม่ คุณครู คุณหมอ พยาบาล สภาภิบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทุกคนจะต้องรัก เอาใจใส่ ภาวนา ให้เวลา ดูแลความเป็นอยู่ทั้งทางร่างกายและจิตใจของทุกคนที่อยู่ในความดูแล เป็นต้นนำพวกเขาด้วยแบบอย่างที่ดี

    2. “ให้เราเป็นลูกแกะที่ดี” เราในฐานะที่เป็นคริสตชนต่างเป็นลูกแกะ ชุมพาบาลใหญ่ของเราได้แก่พระเยซูเจ้า ลำดับต่อมาก็คือพระสังฆราช ซึ่งท่านมอบหมายให้คุณพ่อเจ้าวัดช่วยดูแลให้การอภิบาลเรา เราจึงต้อง (1) เชื่อฟังคำสอนและคำแนะนำจากบทเทศน์และการสอนของท่าน  (2) รับอาหารฝ่ายจิตจากผู้อภิบาลโดยการร่วมมิสซาฯ การภาวนา การเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจ (3) ให้คำแนะนำ ดูแลความเรียบร้อย ให้กำลังใจ สวดภาวนาให้ผู้อภิบาล (4) เข้าสังกัดกลุ่มองค์กร หรือในงานศาสนบริการของวัด

    3. “ภาวนาเพื่อกระแสเรียก” ขอให้มีพระสงฆ์ นักบวชเพื่อจะได้มีผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณให้สัตบุรุษ มีผู้หล่อเลี้ยงความเชื่อ ผู้พิทักษ์ปกป้องความเชื่อ และส่งเสริมกระแสเรียกโดยให้การสนับสนุนและส่งบุตรชายหญิงเข้ารับการฝึกอบรมในบ้านเณรและบ้านผู้ฝึกหัด