UT UNUM SINT : เพื่อทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน

         4.1.1       ฆราวาสทุกคนมีหน้าที่ทำงานแพร่ธรรมด้วยการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละคนอย่างดี

         4.1.2       ฆราวาสทุกคนต้องสะท้อนข่าวดีแห่งพระวรสารไปยังเพื่อนพี่น้องด้วยการดำเนินชีวิตประจำวัน

         4.1.3       ฆราวาสต้องเป็นพยานถึงพระคริสต์ตามฐานะ หน้าที่ อาชีพ และความรับผิดชอบต่างๆในสังคม

                      การเป็นพยานถึงพระคริสต์ในชีวิตฆราวาส นอกจากด้วยการดำเนินชีวิตของแต่ละคนแล้ว ยังต้องเป็นพยานในรูปแบบเป็นกลุ่มสมาคมหรือองค์กรสถาบัน ดังปรากฏอยู่ในกฎหมายของพระศาสนจักรมาตรา 298 วรรค 1 ดังนี้ "ในพระศาสนจักรที่มีสมาคมที่แตกต่างจากสถาบันชีวิตที่ถวายแล้วและคณะชีวิตที่แพร่ธรรม ซึ่งในสมาคมเหล่านี้ คริสตชนไม่ว่าจะเป็นสมณะหรือฆราวาสหรือทั้งสมณะและฆราวาสพร้อมกัน พยายามรวมกันที่จะฟูมฟักชีวิตให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และส่งเสริมคารวกิจสาธารณะและคำสอนคริสตชน หรือเพื่อปฏิบัติงานแพร่ธรรมอื่นๆ เช่น การประกาศพระวรสารที่ได้เริ่มแล้ว การดำเนินกิจกรรมด้านความศรัทธาหรือกิจเมตตาและเพื่อปลุกสังคมโลกให้มีจิตตารมณ์คริสตชน"

 

นัยของกฎหมายมาตรา 298 วรรค 1 นี้ คือ

 

        ก)      สมาคมที่เป็นพยานถึงพระคริสต์ในพระศาสนจักรมีทั้งรูปแบบของสมณะหรือฆราวาสและรวมกันระหว่างสมณะและฆราวาส

        ข)      สมาคมที่เป็นพยานถึงพระคริสต์อาจต้องมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในเรื่องการถวายคารวกิจ พิธีกรรม สอนคำสอนกิจเมตตา โดยมุ่งปลุกสังคมให้มีจิตตารมณ์แห่งพระวรสาร

 

          กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 298 วรรค 2 กล่าวถึงสมาคมที่เป็นพยานถึงพระคริสต์เป็นอย่างไรดังนี้ "คริสตชนควรสมัครเป็นสมาชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมาคมที่ได้รับการตั้งขึ้น หรือได้รับการยกย่อง หรือได้รับการแนะนำโดยผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจพระศาสนจักร"

นัยของกฎหมายมาตรา 298 วรรค 2 คือ

         ก)      เชิญชวนให้คริตชนทุกคนทั้งสมณะและฆราวาสเป็นพยานถึงพระคริสต์โดยการเข้าสังกัดสมาคม เป็นการทำงานตามกฎหมายมาตรา 298 วรรค 1 ในรูปแบบกลุ่ม สมาคม องค์กร ซึ่งช่วยให้เราดำเนินชีวิตตามความเชื่อ ประกาศพระวรสารถึงพะคริสตเจ้าได้เป็นอย่างดี มีระบบและมั่นคงกว่าการเป็นพยานด้วยตัวเองตามลำพัง

         ข)      สาคม องค์กร หรือกลุ่มต่างๆที่จะเข้าสังกัด ฆราวาสต้องตรวจดูว่าสมาคม องค์กร หรือกลุ่มศรัทธานั้นได้รับการรับรอง แนะนำและยอมรับจากพระสันตะปาปาหรือสังฆราชประจำสังฆมณทลแล้ว เพราะพระศาสนจักรเป็นมารดาผู้รอบคอบ ดูแลความเชื่อและการแสดงออกให้ถูกต้องเสมอ

 

          ประมวลกฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 327 กล่าวถึงกฎเกณฑ์ของสมาคมฆราวาสที่เป็นพยานถึงพระคริสต์ว่า "คริสตชนฆราวาสต้องให้ความสำคัญอย่างมากต่อสมาคมต่างๆที่ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ฝ่ายจิต ดังที่กล่าวไว้ในมาตรา 298 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาคมที่มุ่งทำให้ระเบียบฝ่ายจิตตารมณ์คริสตชน และโดยวิธีนี้ก็ส่งเสริมความเชื่อและชีวิตให้สนิทเป็นหนึ่งเดียวอย่างแนบแน่นยิ่งขึ้น"

นัยแห่งกฎหมายมาตรา 327 คือ

           ก)      ฆราวาสต้องสนใจ และใส่ใจเข้าเป็นสมาชิกหรือผู้สนับสนุนสมาคม องค์กรคาทอลิกที่พระศาสนจักรตั้งขึ้นหรือรับรอง

           ข)      ฆราวาสจะมีโอกาสพัฒนาชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้าด้วยกิจกรรมต่างๆที่จะทำในสมาคม

           ค)      ฆราวาสที่กระทำกิจเมตตาและกิจศรัทธาในสมาคม นั่นคือการเป็นพยานถึงพระคริสต์ในชีวิตของตน

           ง)      ฆราวาสที่เข้าสังกัดสังคมสมาคมหรือองค์กรใดๆ เขาจะได้ทำหน้าที่ตามสิทธิที่เขาได้รับมาจากศีลล้างบาป

 

          ประมวลกฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 768 วรรค 2 กล่าวถึงการเทศน์สอนพระวาจาพระเจ้าด้วยการเป็นพยานถึงพระคริสต์ด้วยชีวิตของแต่ละคนตามฐานะและหน้าที่ดังนี้ "ยังต้องถ่ายทอดให้สัตบุรุษรู้คำสอน ซึ่งอำนาจสอนของพระศาสนจักรเสนอเกี่ยวกับศักดิ์ศรีและเสรีภาพของบุคคลมนุษย์ เอกภาพและความมั่นคงรวมทั้งหน้าที่ของครอบครัว หน้าที่ที่มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมมีต่อกัน และการจัดการเรื่องฝ่ายโลกตามระเบียบที่พระเป็นเจ้าทรงสถาปนาไว้"

 

4.2 การเป็นพยานถึงพระคริสต์ในชีวิตฆราวาสตามคำสอนของสังคายนาวาติกันที่ 2

 

          4.2.1  พระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักร (LUMEN GENTIUM) ข้อ 31 ที่กล่าวสอนให้ฆราวาสเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าด้วยการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างดีดังนี้ "เป็นหน้าที่เฉพาะของพวกฆราวาส เนื่องจากเป็นกระแสเรียกเฉพาะของพวกเขาที่จะแสวงหาพระราชัยของพระเป็นเจ้า เฉพาะอย่างยิ่งโดยเอาธุระเกี่ยวข้องกับข้าวของของโลกนี้และจัดระเบียบให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า เขาดำรงชีพอยู่ในโลก หมายความว่า มีหน้าที่ มีงานทุกอย่างและแต่ละอย่างในโลก เขาอยู่ในฐานะปกติธรรมดาของชีวิตครอบครัวและสังคมการเป็นอยู่ของพวกเขา จากฐานะต่างๆเหล่านี้ ทอเป็นผืนผ้าทีเดียวก็ว่าได้ เพราะเขาอยู่ในฐานะหน้าที่อย่างนี้แหละ พระเป็นเจ้าจึงทรงเรียกร้องให้เขาใช้การปฏิบัติหน้าที่ของเขา ให้เขาดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ของพระวรสาร เขาจึงจะได้ก่อให้เกิดประโยชน์บันดาลความศักดิ์สิทธิ์แก่โลก เขาเป็นดังเชื่อแป้งที่ออกมาจากภายในตัวเขาก็ว่าได้ และดังนี้เมื่อเขาส่องแสงเรืองรองด้วยชีวิต (การครองชีพ) ของเขาเป็นต้นด้วยความเชื่อ ความไว้ใจและความรัก เขาจะเผยให้คนอื่นทั้งหลายแลเห็นพระคริสต์เจ้า ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ในลักษณะพิเศษของฆราวาส ที่จะส่องสว่างเข้าไปในข้าวของต่างๆของโลกนั้นเกิดมีขึ้น และเจริญงอกงามขึ้นตามพระคริสตเจ้าเรื่อยๆไป และจะเป็นการซ้องสาธุการพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่อีกด้วย"

          4.2.2  พระสมณกฤษฏีกาว่าด้วยการแพร่ธรรมของฆราวาส (APOSTOLICAM ACTUOSITATEM) ข้อ 7 กล่าวสอนถึงการเป็นพยานถึงพระคริสต์ในชีวิตของฆราวาสด้วยการดำเนินชีวิตปกติตามฐานะและหน้าที่ ตามจิตตามรมณ์ของพระศาสนจักร ดังนี้ "ฆราวาสต้องถือว่า การฟื้นฟูคติโลกเป็นหน้าที่เฉพาะของตนเอง ฆราวาสเมื่อรู้เห็นแจ้งโดยอาศัยความสว่างแห่งพระวรสารและมีจิตตามรมย์ของพระศาสนจักรกับความรักต่อเพื่อนมนุษย์แบบคริสตชนผลักดันไป ก็ต้องลงมือปฏิบัติงานในเรื่องนี้ด้วยตนเองและด้วยใจที่แน่วแน่เด็ดเดี่ยวในฐานะพลเมือง ฆราวาสร่วมมือกับพลเมืองอื่นๆตามความสามารถพิเศษ โดยรับเอาส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของตน และต้องแสวงหาความยุติธรรมแห่งพระราชัยของพระเป็นเจ้าในที่ทั่วไปและในกิจการทุกอย่าง ต้องฟื้นฟูคติโลกในแบบที่ยังเคารพปฏิบัติให้ถูกกฎโดยเฉพาะของมัน การทางฝ่ายโลกนั้นก็ยิ่งจะถูกต้องตรงกับหลักเกณฑ์อันสูงกว่าของชีวิตแบบคริสตชน และเข้ากับสภาพต่างๆของสถานที่ เวลาและหมู่ชน ในบรรดางานต่างๆของการแพร่ธรรมนี้ งานสังคมของคริสตชนนับเป็นงานที่เด่นที่สุด สภาสังคายนาปรารถนาจะเห็นงานนี้แผ่ขยายไปในวงงานฝ่ายโลกทั่วไปรวมทั้งด้านวัฒนธรรมด้วย"

          4.2.3  พระสมณกฤษฎีกาเรื่องงานธรรมทูตแห่งพระศาสนจักร (Ad GENTES) ข้อ 21 กล่าวถึงงานแพร่ธรรมของฆราวาสด้วยการเป็นพยานถึงพระคริสต์ ความว่า "หน้าที่สำคัญของฆราวาสทั้งหญิงและชาย ก็คือการเป็นองค์พยานประกาศพระคริสตเจ้า ซึ่งเขาต้องทำด้วยการดำรงชีวิตและคำพูดในครอบครัว ในกลุ่มสังคม และในวงงานอาชีพ เพราะว่าในตัวเขาเหล่านั้นจะต้องปรากฏตัวมนุษย์คนใหม่ซึ่งสร้างขึ้นด้วยความเที่ยงธรรม และความศักดิ์สิทธิ์อันแท้จริงตามแบบพระเป็นเจ้า (อฟ 4:24) เขาต้องสำแดงให้เห็นชีวิตใหม่ในวงสังคมและวัฒนธรรมของบ้านเมืองตามประเพณีนิยมของชาติ เขาต้องรู้จักวัฒนธรรมที่กล่าวนี้ ต้องชำระให้บริสุทธิ์บำรุงรักษาให้งอกงามตามสถานการณ์ใหม่ ทำให้สมบูรณ์ดีพร้อมในพระคริสตเจ้า แล้วดังนี้ ความเชื่อถือพระคริสตเจ้ากับชีวิตของพระศาสนจักรก็ไม่ใช่สิ่งที่สังคมซึ่งเขามีชีวิตอยู่ไม่รู้จักอีกต่อไป แต่ละซึมซาบเข้าไปในสังคม และทำให้สังคมนั้นเปลี่ยนแปลงไป"

 

 

4.3 คำสอนของพระสันตะปาปาในเรื่องการเป็นพยานถึงพระคริสต์ในชีวิตของฆราวาส

       4.3.1       พระสมณสารเรื่องการประกาศพระวรสารในโลกปัจจุบันโดยพระสันตะปาปาปอลที่ 6 (EVANGELII NUNTIANDI) ข้อ 21 กล่าวถึงการเป็นองค์พยานด้วยแบบดำรงชีวิตมีความสำคัญเป็นอันดับแรก ความว่า "ก่อนอื่นเราต้องประกาศพระวรสารด้วยการเป็นองค์พยาน เช่น คริสตชนคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งที่ดำรงชีวิตอยู่ในประชาคมของตน แสดงให้เห็นว่าสามารถจะเข้าใจและเห็นคล้อยตาม มีชีวิตและมีชะตากรรมร่วมกับคนอื่น ร่วมมือช่วยเหลือทุกคนในการทุกอย่างที่ดีและน่านิยม นอกจากนั้น เขายังแสดงให้เห็นอย่างซื่อๆและไม่แสร้งทำว่ามีความเชื่อถึงคุณค่าที่อยู่เหนือสิ่งมีค่าโดยทั่วไป อีกทั้งมีความหวังในสิ่งหนึ่ง ซึ่งแลไม่เห็นและไม่มีใครกล้านึกฝันถึง เมื่อเป็นองค์พยานโดยไม่ต้องพูดเช่นนี้ คริสตชนดังกล่าวก็ทำให้คนที่เห็นเขาดำรงชีวิต อดมิได้ที่จะถามว่า "ทำไมเขาถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมเขาจึงดำรงชีวิตแบบนี้ อะไรหรือใครเป็นแรงดลบันดาลใจเขา ทำไมเขาจึงมาอยู่กลางหมู่พวกเรา" การเป็นองค์พยานเช่นนี้นับเป็นการประกาศข่าวประเสริฐแล้ว เป็นการประกาศอย่างเงียบๆแต่เป็นการประกาศที่มีพลังและเกิดผล นี่คือประกาศพระวรสารเบื้องต้น"

       4.3.2       พระสมณสารเรื่องครอบครัวคริสตชนในโลกปัจจุบันโดยเฉพาะพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 (FAMILIARIS CONSORTIO) ข้อ 84 กล่าวถึงครอบครัว คริสตชนต้องเป็นพยานถึงพระคริสต์ความว่า "ครอบครัวคริสตชนมีหน้าที่พิเศษ คือ ต้องเป็นประจักษ์พยานถึงพันธสัญญาของพระคริสตเจ้าในรหัสธรรมปัสกาของพระองค์ โดยการเผยแพร่ความปลื้มปีติแห่งความรักและความหวังอันแนวแน่ซึ่งครอบครัวจะต้องสามารถอธิบายถึงเหตุผลให้ผู้อื่นเข้าใจได้ "ครอบครัว คริสตชนประกาศให้รู้ถึงคุณค่าของพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าสำหรับโลกปัจจุบัน รวมถึงความหวังอันแน่วแน่ในชีวิตแห่งความบรมสุข"

      4.3.3       พระสมณสารเรื่องพระพันธกิจขององค์พระผู้ไถ่โดยพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 (REDEMTORIS MISSIO) ข้อ 42 กล่าวถึงรูปแบบแรกของการแพร่พระวรสาร คือการเป็นประจักษ์พยานความว่า "มนุษย์ร่วมสมัยของเราเชื่อในประจักษ์พยานมากกว่าในตัวพระศาสดา เชื่อในประสบการณ์มากกว่าหลักคำสอน เชื่อในชีวิตและข้อเท็จจริงมากกว่าในทฤษฎี รูปแบบแรกของการแพร่ธรรมคือการเป็นประจักษ์พยานถึงชีวิตคริสตชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทดแทนกันไม่ได้ พระคริสต์ซึ่งเรากำลังสืบทอดพันธกิจการแพร่ธรรมของพระองค์อยู่นี้ก็ทรงเป็น "องค์ประจักษ์พยาน" ชั้นบอด (วว1:5,3:14)และทรงเป็นแบบฉบับแห่งการเป็นประจักษ์พยานของคริสตชน พระจิตเจ้าทรงร่วมทางเคียงข้างพระศาสนจักรในการก้าวเดินตลอดมา และทรงโปรดให้พระศาสนจักรมีส่วนร่วมในการเป็นประจักษ์พยานของพระองค์ถึงพระคริสต์ด้วย (ยน 15:26-27)

 

                    รูปแบบแรกของการเป็นประจักษ์พยาน คือชีวิตของธรรมทูตเอง คือชีวิตครอบครัวคริสตชนและชุมชนพระศาสนจักร ซึ่งแสดงให้เห็นวิธีการดำเนินชีวิตแบบใหม่ ธรรมทูตผู้ซึ่งดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายตามแบบฉบับพระคริสต์ แม้จะมีข้อจำกัดและข้อบกพร่องประสามนุษย์ ก็ยังเป็นเครื่องหมายของพระเจ้าและความเป็นจริงโพ้นธรรมชาติ แต่ทุกคนในพระศาสนจักร พร้อมๆกับที่พยายามเลียนแบบพระอาจารย์เจ้าก็สามารถและสมควรจะเป็นประจักษ์พยานดังกล่าว"

บทเทศน์วันอาทิตย์

"ผู้เลี้ยงแกะที่ดี"ข่าวดีสัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา (B)วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2024ก.ความสำคัญ 1. อาทิตย์นี้บทอ่านทั้งสามเน้นความรักและพระทัยดีของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์โดยเปรียบเทียบกับผู้เลี้ยงแกะที่ดี ซึ่งคุณลักษณ์ของความรักความห่วงใยนี้สืบทอดมายังบรรดาผู้อภิบาลพระศาสนจักรในปัจจุบัน...
"จำพระองค์ได้ไหม"ข่าวดีสัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา (B)วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2024 ก.ความสำคัญ 1. บทอ่านจากพระคัมภีร์ประจำอาทิตย์นี้เน้นให้เรา...
"ฉลองพระเมตตา"ข่าวดีสัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา (B)วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2024 ก.ความสำคัญ 1. วันอาทิตย์นี้เป็นวันฉลองพระเมตตาของพระเจ้า...

ข่าว-ประชาสัมพันธ์

เสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลบวช
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2024 เวลา 10.00 น. พระสังฆราชยอห์น ซิลวีโอ วิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ เสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และพิธีรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลบวช ณ...
เสกเสาเอก อาคารอนุรักษ์
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2024 เวลา 09.39 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานวจนพิธีกรรมเสกเสาเอก อาคารอนุรักษ์ "วัดพระหฤทัย" วัดบ้านเณร บ้างช้าง-บางนกแขวก...
วันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า
วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2024 เวลา 09.00 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณวันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า ณ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด...
ฉลองวัดนักบุญอังเยลา ซอนต้า
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2024 เวลา 10.30 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสฉลองชุมชนแห่งความเชื่อวัดนักบุญอังเยลา ซอนต้า จ.ราชบุรี ภาพ-ข่าวโดย สื่อมวลชนคาทอลิกสังฆมณฑลราชบุรี...
ฉลองวัดพระวิสุทธิวงศ์ แพรกหนามแดง
วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024 เวลา...
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแต่งตั้ง คุณพ่อเปาโลธวัช สิงห์สา เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่แห่งสังฆมณฑลนครสวรรค์
สังฆมณฑลราชบุรีร่วมโมทนาคุณพระเจ้าและแสดงความยินดีกับสังฆมณฑลนครสวรรค์โอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแต่งตั้งคุณพ่อเปาโลธวัช สิงห์สาเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่แห่งสังฆมณฑลนครสวรรค์ประกาศ ณ วันที่ 13...

ประกาศสำนักพระสังฆราช

ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง การแต่งตั้งโยกย้ายพระสงฆ์เข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่
ที่ สร.037/2024ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง การแต่งตั้งโยกย้ายพระสงฆ์เข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่...
ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
ที่ สร.112/2023ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง การแต่งตั้งและยืนยันตำแหน่งหน้าที่
ที่ สร.091/2023ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง การแต่งตั้งและยืนยันตำแหน่งหน้าที่

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทยรวมพลังรักษ์โลก ค.ศ.2024-2025

สารสังฆมณฑลราชบุรี

สารสังฆมณฑลราชบุรี ปีที่ 37 ฉบับที่ 3 เดือนมกราคม-เมษายน 2024

เล่า หลัง วัด

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

ปกิณกสาระพิธีกรรม

พ่อบูรณ์พ่อบู๊ชวนคุย

ความปีติยินดีแห่งความรัก

การปกป้องคุ้มครองนักเรียนฯ

นโยบายและแนวปฏิบัติในการปกป้องคุ้มครองนักเรียน โรงเรียน/สถานศึกษาสังกัดสังฆมณฑลราชบุรี

เพื่อนร่วมทาง

สถานที่อบรม-สัมมนา

ศูนย์ภาวนา"ทาบอร์" จ.กาญจนบุรี
บ้าน"เย็นเนซาเร็ธ" จ.เพชรบุรี
ค่ายลูกเสือดรุณาเฉลิมพระเกียรติบ้านพระหฤทัย บางนกแขวก