บทเทศน์เพื่องานแพร่ธรรม
สัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม
วันที่   : 16 ตุลาคม 2011 (สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา)
หัวข้อเรื่อง  : ทางโลกของการแพร่ธรรม
บทอ่าน  : อสย 45:1,4-6  1 ธส 1:1-5  ,มธ 22:15-21

             คำพูดธรรมดาแต่มีประสิทธิภาพของคุณแม่เทเรซา คือ “ให้จนกว่าจะเจ็บ” เป็นตัวอย่างที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจสำหรับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในท่ามกลางประชาชนและสำหรับความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้มีสิทธิพิเศษที่น้อยลงของโลกของเรา  มโนธรรมและความรับผิดชอบการให้จะเกิดผลอย่างมีค่าสำหรับบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้า


           ในพระวรสาร  พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้มีความสำนึกอย่างลึกลงไปต่อความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง (“ของของซีซาร์  จงคืนให้ซีซาร์”) และในฐานะสมาชิกของพระศาสนจักรของพระองค์  (“ของของพระเจ้า  ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด”)  ในฐานะที่เราเป็นทั้งมนุษย์  (สมาชิกของสังคม) และผู้เลื่อมใสศรัทธาในศาสนา  (รับศีลล้างบาปเข้าอยู่ในครอบครัวเดียวกับพระเจ้า)  ชีวิตของเราเดินทางเหมือนกับบรรดาศิษย์และผู้แพร่ธรรมของพระเยซูเจ้า  เราจึงไม่สามารถละเลยความจริงสองประการนี้ในชีวิตคริสตชนของเรา  ด้วยเหตุนี้พระเยซูเจ้าจึงทรงเสนอบรรทัดฐานสูงสุดในการปกครองชีวิตประจำวันของเราคือ  รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์  พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้เราเป็นผู้แพร่ธรรมแท้จริงของพระองค์ในโลกนี้ด้วยความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นของกันและกันและของพระเจ้า

              ครั้งหนึ่ง โดโรธี เดย์ ได้กล่าวว่า   “เมื่อท่านมอบของของพระเจ้าคืนให้พระเจ้า  จึงไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ซีซาร์อีก”   ข้าพเจ้าคิดว่าถูกต้องที่เดียวว่า นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าต้องการบอกกับเรา เพราะทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า  ครอบครัวของพวกท่านเป็นของพระเจ้า  ชีวิตของท่านเป็นของพระเจ้า  โลกและผู้คนที่อยู่ในโลกเป็นของพระเจ้า  ทุกเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นของพระเจ้า  ดังนั้น  สัตบุรุษแท้ย่อมต้องย้ำเหมือนท่านนักบุญเปาโลว่า  “ท่านมีอะไรบ้างที่ไม่ได้รับ  ถ้าท่านได้รับแล้ว  ท่านจะโอ้อวดประหนึ่งว่าไม่ได้รับทำไม” (1 คร 4;7)

              เราได้รับทุกอย่างจากพระเจ้า   รวมทั้งความปรารถนาของเราที่จะรักและรับใช้ด้วยหัวใจของการเป็นธรรมทูตแท้  ออกไปสู่ผู้ที่อยู่ในความต้องการ  ข้ามพรมแดนออกไปใกล้หรือไกล  และเรากระทำทุกอย่างในพระนามของพระองค์  พระเยซูเจ้าทรงมีความชัดเจนว่า  “ของของพระเจ้า  ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด”   จงอย่าเก็บสิ่งที่ไม่ใช่ของท่านไว้  ยิ่งกว่านั้นจงถวายให้กับผู้ที่มอบให้กับท่าน  และกระทำด้วยความรักเมตตา  เช่นเดียวกันนี้กับผู้ยากจน  ผู้ไร้ที่อยู่   ผู้ไร้การศึกษา  ผู้ถูกกดขี่ข่มเหง  ผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบและผู้ที่ชายขอบของโลกนี้ เพราะในบุคคลเหล่านี้ พระคริสตเจ้าทรงรอผลกรรมของท่าน ในการพิพากษาครั้งสุดท้าย (มธ 25:31-46)

               ในสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล   สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเตือนเราถึงการเรียกสู่การให้  “การให้การสนับสนุนเพื่อพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศที่มีความยากจน  การขาดอาหาร  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การขาดอาหารของเด็ก  โรคภัยไข้เจ็บ  การขาดบริการสาธารณะสุข  และการศึกษาที่ยังอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง”  พระองค์ทรงเสริมว่า  “สิ่งเหล่านี้เป็นพันธกิจของพระศาสนจักรด้วย”

              การแบ่งปันวัตถุสิ่งของนั้นเราต้องกระทำด้วยความรู้สึกของความกตัญญูรู้คุณต่อพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้จึงนำเราสู่ความรู้สึกของธรรมทูตที่มีความรับผิดชอบต่อความต้องการของโลก   ความพยายามอย่างมากมายในการประกาศพระวรสารไปทั่วโลกต้องไปพร้อมกับความพยายามอย่างเป็นรูปธรรมที่จะปรับปรุงชีวิตของผู้คนมากมายที่เห็นว่าสิทธิมนุษย์ขั้นพื้นฐานของเขา(บ้าน  อาหาร  ศักดิ์ศรี ฯลฯ)ถูกปฏิเสธ  กิจกรรมธรรมทูตของพระศาสนจักรนี้เป็นเพียงสิ่งที่บรรดาศิษย์ที่ใจกว้างของพระเยซูเจ้าสามารถกระทำได้  การแบ่งปันทรัพยากรทางด้านวัตถุเพื่อช่วยเหลืองานแพร่ธรรมสากล ไม่ควรเป็นแค่เพียงการทำให้มโนธรรมของตนสงบ   ยิ่งกว่านั้น  การให้ของเราควรเป็นความรู้สึกชื่นชมยินดีที่อยู่ในหัวใจของเรา

               ในระหว่างเดือนแห่งการแพร่ธรรมนี้  ขอให้เราช่วยเหลือชายและหญิงจำนวนมากที่ละทิ้งทุกอย่างไปเป็นธรรมทูตแห่งความรักของพระเจ้าในสถานที่อันกว้างใหญ่   ให้เราแบ่งปันให้กับผู้ยากจนโดยผ่านทางพวกท่านเหล่านี้  ให้เรา “ให้จนกว่าจะเจ็บ”  และเป็นผู้ให้ด้วยความยินดี