ข.พระคัมภีร์และคำสอน     
       1. บทอ่านที่หนึ่ง  (1พกษ 17:10-16) : คัดมาจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ที่เล่าถึงแม่ม่ายยากจนคนหนึ่งได้แบ่งปันน้ำและขนมปังซึ่งเป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับตัวเธอเองแก่ประกาศกเอลียาห์ คนของพระเจ้า จากน้ำใจดีและความเสียสละของเธอทำให้เธอได้รับรางวัลจากพระเจ้า คือการมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต “แป้งในไหจะไม่หมด น้ำมันในเหยือกจะไม่แห้ง”

      2. บทอ่านที่สอง (ฮบ 9:24-28) : บอกเราให้รู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นสงฆ์สูงสุดแห่งพันธสัญญาใหม่ สงฆ์ที่มอบการถวายชีวิตทั้งสิ้นเป็นเครื่องบูชาถวายแด่พระบิดาเพื่อไถ่โทษบาปของเรา (ไม่ได้เอาพืชหรือสัตว์หรือเงินมาถวาย) ซึ่งเป็นการถวายที่เหนือกว่าการถวายน้ำและขนมปังของหญิงม่ายยากจนในบทอ่านที่หนึ่งและเงินถวายของหญิงม่ายในพระวรสาร

      3. บทพระวรสาร (มก 12:38-44) : พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนการถวายเกียรติแด่พระเจ้าที่ถูกต้อง ที่แสดงออกถึงใจที่ความสุภาพถ่อมตน โดยทรงยกตัวอย่างของหญิงม่ายที่มาอธิษฐานภาวนาและถวายเงิน เหตุที่หญิงม่ายคนนี้ได้รับความชื่นชมในสายตาของพระเจ้าคือเธอทำทุกสิ่งด้วยใจจริง ไม่ต้องการคำชมเชยยกย่อม ไม่ต้องการเกียรติ ให้จากสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ไม่ใช่ให้จากสิ่งที่เหลือใช้ ซึ่งเชื่อมโยงไปยังชีวิตของพระเยซูที่มอบชีวิตของตนเองบนไม้กางเขนด้วยความรักต่อเรามนุษย์

 

ค. ปฏิบัติ                            

         1. “ให้เราใส่ใจหญิงม่ายในวัดของเรา” ในวัดของเราอาจจะมีบางคนหรือคนที่ต้องดำรงชีวิตหรือต้องเลี้ยงดูครอบครัวตามลำพังด้วยตัวของตัวเอง พวกเขาอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการเศรษฐกิจ เรื่องการทำมาหากิน การอบรมเลี้ยงดูบุตร ฯลฯ เราต้องให้ความใส่ใจ ความโดดเดี่ยวเป็นโอกาสพาคนให้มาใกล้ชิดกับพระเจ้า เราสามารถสนับสนุนได้ด้วยการเชิญชวนให้มาวัดในวันอาทิตย์ การร่วมกิจกรรมหรือองค์กรต่างๆของวัด เช่น การไปเยี่ยมผู้ป่วย กลุ่มสวดภาวนา กลุ่มศึกษาพระคัมภีร์  ที่สำคัญให้เราภาวนาให้กับสมาชิกที่ต้องเป็นม่ายในวัดของเราอย่างสม่ำเสมอ (ทั้งนี้ให้กระทำด้วยความรอบคอบ)

         2. “ให้เราใช้หลักของพระเยซูคริสต์ในการตัดสินคน” เรามักจะพิจารณาตัดสินคนอื่นโดยดุแต่ภายนอก เราให้เกียรติคนที่มีเงิน มีการศึกษา มีชาติตระกูล มีสถานะทางสังคม แต่พระเยซูเจ้าวัดคุณค่าของคนด้วย “คุณภาพ มิใช่ปริมาณ” พระองค์ทรงมองที่จิตใจมากกว่าการกระทำภายนอก มองเจตนามากกว่าสิ่งของหรือจำนวน