ข.พระคัมภีร์และคำสอน           
      1. บทอ่านที่หนึ่ง (1ซมอ 16:1ข,6-7,10-13ก) เล่าเรื่องที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกดาวิดบุตรของเจสซีให้เป็นกษัตริย์ ซึ่งในสายตาของซามูเอล ประกาศกที่พระเจ้าทรงใช้ไปเจิมแต่งตั้งยังไม่นึกว่าเด็กหนุ่มผมแดงจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล แต่พระเจ้าทรงสอนว่า “มนุษย์มองแต่รูปร่างภายนอก แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมองจิตใจ”
      2. บทอ่านที่สอง (อฟ 5:8-14) นักบุญเปาโลเตือนชาวเอเฟซัสให้รับผิดชอบในฐานะที่เป็น “บุตรแห่งความสว่าง”ที่จะต้องดำเนินชีวิตด้วยความดี ความชอบธรรมและความจริง
      3. พระวรสาร (ยน 9:1,6-9,13-17,34-38) เล่าเรื่องพระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์เปิดดวงตาของคนตาบอดให้กลับมามองเห็นได้ เรื่องนี้สอนเราว่าเราแต่ละคนจำเป็นต้องเปิดดวงตาแห่งจิตใจของเราด้วยความเชื่อ และยังเตือนเราว่าใครที่บอกว่าตนเองเห็นความจริงแล้วมักจะเป็นคนตาบอด ในขณะที่คนที่ยอมรับว่าตนเองยังมืดบอดมักจะได้เห็นความแสงสว่างในจิตใจ เรื่องในพระวรสารนี้คนขอทานที่ตาบอดแต่กำเนิดได้รับแสงสว่างแห่งความเชื่อในพระเยซู ในขณะที่คนที่บอกตนเองว่ามีศาสนาและชาวฟารีสีคนที่รู้กฎหมายดียังคงเป็นคนที่มืดบอกฝ่ายจิตใจ การดำเนินชีวิตในฐานะคริสตชนคือการมองเห็น การมีสายตาที่ชัดเจนเกี่ยวกับพระเจ้า เกี่ยวกับตนเองและผู้อื่น การภาวนา การทำกิจเมตตา การพลีกรรมในระหว่างเทศกาลมหาพรตนี้จะช่วยรักษาความมืดบอดฝ่ายจิตใจของเราเพื่อให้เราจะได้สามารถมองเห็นผู้อื่นว่าเป็นบุตรของพระเจ้าเหมือนกับเราและรักพวกเขาได้เหมือนหนึ่งว่าเป็นพี่น้องชายหญิงของเราเอง
ค.ปฏิบัติ          
       1. “ยอมให้พระเยซูรักษา” เราต้องเปิดใจให้พระเยซูเข้ามารักษาเราให้หายจากความมืดบอดฝ่ายจิตใจของเรา เราทุกคนต่างมีจุดบอดด้วยกันทั้งนั้น ในชีวิตแต่งงาน ในการเป็นบิดามารดา นิสัยในการทำงาน ในบุคลิกภาพของเรา เรามักจะมืดบอดในการประทับอยู่ของพระตรีเอกภาพในตัวของเรา เรามักจะมืดบอดที่จะชื่นชมพระเจ้าในตัวของผู้อื่น บางครั้งเรามืดบอดกับความยากจน ความอยุติธรรม ความทุกข์ทรมานของคนที่อยู่รอบข้างเรา ให้เราระลึกไว้เสมอว่าพระเยซูเจ้าต้องการที่จะรักษาเราให้พ้นจากความมืดบอดของเรา  เราต้องวอนขอพระองค์ให้ขจัดรากเหงาของความมืดบอด นั้นคือ ความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความฉุนเฉียว ความเกลียดชัง การอิจฉาริษยา ความลำเอียง การยึดติดในความชั่วร้าย

       2. “ทำความดีชดเชย” เราอาจจะผิดพลาดในการมองคนอื่นด้วยอคติต่างๆ ในเทศกาลมหาพรตนี้ขอให้เราได้ปรับปรุงตนเอง มองและชื่นชมคนอื่นด้วยใจจริงและพยายามทำความดีกับบุคคลที่เราเคยทำผิดต่อเขา แล้วความยินดีจะเกิดขึ้นกับเราอย่างแท้จริง