หนทาง ความจริง และชีวิต ข่าวดีสัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
หนทาง ความจริง และชีวิต

ข่าวดีสัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
(10 พฤษภาคม 2020)  

ก.ความสำคัญ
    1. สาระสำคัญของบทอ่านต่าง ๆ ในวันนี้สอนเราว่าบรรดาคริสตชนในยุคเริ่มแรกนั้นยอมรับการท้าทายให้ดำเนินชีวิตในความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า โดยยังคงรักษาชีวิตกลุ่มที่เข้มแข็งมีพลัง มีชีวิตที่เป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์โดยมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซื่อสัตย์ในการนมัสการพระเจ้า และมีจิตตารมณ์แห่งความรัก และการช่วยเหลือกันด้วยความสุภาพถ่อมตน

ข.พระคัมภีร์และคำสอน
    
1.บทอ่านที่หนึ่ง (กจ. 6:1-7) จากกิจการอัครสาวกแสดงให้เราเห็นว่าพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกนั้นเป็นชุมชนแห่งความรัก การรับใช้ และการนมัสการพระเจ้า (กจ 6:1-7) ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหาการแบ่งแยกที่เกิดขึ้นโดยการจัดตั้งสังฆานุกรเพื่อรับใช้ชุมชน

    2.บทอ่านที่สอง (1ปต. 2:4-9) นักบุญเปาโลแนะนำคริสตชนรุ่นแรกให้ฟื้นฟูความทรงจำและความสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าโดยตอกย้ำว่าพวกเขาเป็น “ศิลาที่มีชีวิต” ที่จะนำไปก่อสร้างพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ นักบุญเปโตร สรรเสริญคริสตชนทั้งคนต่างศาสนาและชาวยิวว่า “เป็นชนชาติที่เลือกสรรไว้ เป็นสมณะราชตระกูล เป็นชนชาติศักดิ์สิทธิ์ เป็นประชากรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า”

    3.พระวรสาร (ยน. 14:1-12) พระเยซูเจ้าทรงให้กำลังใจสานุศิษย์ของพระองค์ที่กำลังโศกเศร้าและหดหู่ใจเมื่อพระเยซูเจ้าทรงประกาศว่าพระองค์กำลังจะจากไปในเวลาอันใกล้นี้ โดยทรงให้ความมั่นใจว่าพระองค์จะทรงเสด็จไปเพื่อเตรียมสถานที่ที่สุขสบายในบ้านของพระบิดาให้พวกเขา  พระองค์ทรงรับประกันว่าจะเสด็จกลับมาหาเพื่อรับพวกเขาไปอยู่ด้วย ซึ่งทำให้โทมัสถามว่า “พระเจ้าข้า พวกเราไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด แล้วจะรู้จักหนทางได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา” ซึ่งคำสอนพื้นฐานของลัทธิยูดาก็คือ พระยาเวห์ทรงเป็นหนทาง ความจริงและชีวิต พระเยซูเจ้าทรงปฏิรูปคำสอนนี้โดยทรงบอกว่าพระองค์เองทรงเท่าเทียมกับพระยาเวห์ พระองค์เองทรงเป็นหนทางที่ปลอดภัยกว่าและแน่นอนกว่าในการเข้าหาพระเจ้า ซึ่งไม่เหมือนกับคำสอนของลัทธิหรือความเชื่ออื่น ๆ เพราะเงื่อนไขการเข้าถึงพระเจ้าได้ตามคำสอนของพระเยซูนั้นคือ ต้องผ่านทางการดำเนินชีวิตที่ดีด้วยการแบ่งปันความรักเท่านั้น และพระองค์ทรงประกาศว่าพระองค์เป็นหนทางซึ่งทรงเรียกว่าทางแคบเพราะมันเป็นหนทางที่เน้นถึงความรัก ความสุภาพถ่อมตน การรับใช้ที่เสียสละ พระองค์ทรงเป็นความจริงคือเป็นครูที่เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและความสัมพันธ์กับมนุษย์ และทรงสอนความจริงเรื่องของคุณธรรมความดีโดยการแสดงให้เห็นในชีวิตจริงของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นชีวิตเพราะว่า ในฐานะพระเจ้า พระองค์ทรงครอบครองชีวิตนิรันดรของพระเจ้าและมีส่วนร่วมในชีวิตพระเจ้าร่วมกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ โดยผ่านทางพระวาจาของพระเจ้าและศีลศักดิ์สิทธิ์ โดยสรุป พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระบิดาด้วยชีวิตของพระองค์เอง ด้วยความจริงของพระวาจาของพระองค์ และด้วยชีวิตใหม่ที่พระองค์ทรงนำมาให้เรา

ค.ปฏิบัติ
เราต้องยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต
    1. “ยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นหนทาง” โดยการเดินตามทางแคบที่พระองค์ทรงสอน คือ ทางแห่งความรัก ความสุภาพถ่อมตน การรับใช้ด้วยความเสียสละ

    2. “ยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นความจริง” โดยการเรียนรู้และปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งสอนเราในพระคัมภีร์และในคำสอนของพระศาสนจักร

    3. “ยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นชีวิต” โดยการมีส่วนร่วมในชีวิตของพระองค์ โดยเข้ารับประโยชน์จากเครื่องมือต่าง ๆ ที่พระเยซูทรงตั้งไว้ให้เราโดยผ่านทางพระศาสนจักร
       1) โดยการเข้ามีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นในพิธีมิสซาฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ารับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท  
       2) โดยการเข้ารับศีลศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ อย่างรู้คุณค่าตามเวลาที่เหมาะสม
       3) โดยการไตร่ตรองและการอ่านพระคัมภีร์ประจำวัน  
       4) โดยการวอนขอพระจิตเจ้าให้ทรงนำทางการดำเนินชีวิตประจำวันของเราและของพระศาสนจักร
และ  5) โดยการติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิต ด้วยการภาวนาส่วนตัวและภาวนาพร้อมกันในครอบครัว