การรับพิธีล้างโดยท่านยอห์น ผู้ทำพิธีนั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญพิเศษในชีวิตของพระเยซู 4 ประการด้วยกันคือ
    1. เป็นช่วงเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงอยู่ร่วมกับเราซึ่งเป็นคนบาป แม้ว่าพระองค์ไม่ทรงมีบาปแต่ประการใด แต่ทรงยอมเข้ารับรับพิธีล้างเพื่อชดใช้โทษบาปร่วมกับประชากรของพระองค์ซึ่งพวกเขาตระหนักดีถึงการเป็นคนบาปของพวกเขาตั้งแต่เริ่มแรก พระองค์ทรงอยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชนที่พระองค์จะทรงช่วยเหลือพวกเขา
    2. เป็นช่วงเวลาแห่งความมั่นคงในเอกลักษณ์และพันธกิจของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและพันธกิจของพระองค์ก็คือการเทศนาข่าวดีเรื่องความรักของพระเจ้าและการไถ่บาปนำความรอดพ้นโดยการยอมรับความทุกข์ทรมาน ทรงเป็น “ผู้รับใช้ที่ทนทุกข์” ยอมตายบนไม้กางเขนรับโทษประหารแทนความบาปของเรามนุษย์
    3. เป็นช่วงเวลาแห่งค้ำจุนสนับสนุน พระจิตเจ้าเสด็จมาประทับในพระเยซูเจ้าในรูปแบบของนกพิราบ ประทานฤทธิอำนาจในการเทศน์สอนและการบำบัดรักษาโรคภัยทั้งร่างกายและจิตใจให้มนุษย์
    4. เป็นช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ เพื่อการเริ่มต้นพันธกิจต่อสาธารณชน หลังจากที่ได้การรับรองจากพระบิดาเจ้าสวรรค์ว่า "นี่คือบุตรสุดที่รักของเรา”

ข.พระคัมภีร์และคำสอน      

    1.บทอ่านที่หนึ่ง(อสย. 42:1-4,6-7) ประกาศกอิสยาห์ทำนายถึงพระเยซูเจ้าในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่จะนำความชื่นชมยินดีมาให้โลกของเรา
    2.บทอ่านที่สอง(กจ. 10:34-38) อัครสาวกเปโตรยืนยันว่าพระเจ้าทรงรักทุกคน ทรงเทศนาสั่งสอน ที่ไหนก็ทรงกระทำแต่ความดี
    3.พระวรสาร(มก. 1:7-11) นักบุญลูกาเล่าเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเข้ารับพิธีล้างจากท่านยอห์น ผู้ทำพิธี ซึ่งในขณะที่กระทำพิธีอยู่นั้น พระจิตเจ้าทรงเสด็จมาประทับในตัวของพระองค์ในรูปแบบของนกพิราบ และได้รับการรับรองจากพระบิดาสวรรค์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรสุดที่รักของพระองค์

ค.ปฏิบัติ     

    1. “ตระหนักถึงเอกลักษณ์ของเรา” การรับพิธีล้างของพระเยซูทำให้เราคิดถึงเอกลักษณ์ของเราเองว่าเราเป็นใคร เรามีพันธกิจอะไร เมื่อเรารับศีลล้างบาปเรากลับกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นพี่น้องชายหญิงของพระเยซูเจ้า  เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร เป็นทายาทแห่งเมืองสวรรค์ และเป็นวิหารของพระจิต

    2. “ตระหนักถึงพันธกิจของเรา”  เช่น 1) ประสบการณ์การประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวของเรา รับรู้ถึงศักดิ์ศรีของเราในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้า ชื่นชมการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวของเพื่อนพี่น้อง ให้เกียรติและช่วยเหลือกันด้วยความสุภาพถ่อมตน 2) ดำเนินชีวิตในฐานะบุตรของพระเจ้า ทั้งด้วยความคิด วาจา และการกระทำ 3) มีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ โปร่งใส ไม่รังเกียจร่างกายของตนเอง (ในฐานะที่เป็นพระวิหารของพระจิตเจ้าและเป็นอวัยวะหนึ่งในพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า) โดย การรักษาความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพียรทน ไม่อิจฉา หรือเกลียดชัง 4) ยอมรับประสบการณ์ทั้งดีและร้ายในชีวิตในฐานะที่เป็นของขวัญจากพระบิดาเจ้าสวรรค์เพื่อความก้าวหน้าสู่ความศักดิ์สิทธิ์ 5) ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้นโดยการสวดภาวนาทั้งส่วนตัวและในครอบครัว การรำพึงจากการอ่านพระคัมภีร์ประจำวัน  จากการร่วมมิสซาฯ ในวันอาทิตย์ การเข้ารับศีลอภัยบาปบ่อย ๆ

    3. “ขอบคุณพระเจ้าและประกาศข่าวดี” สำหรับพระพระต่าง ๆ ที่ได้รับ และนำไปบอกเล่าให้เพื่อนหรือคนที่สนใจได้รับรู้