UT UNUM SINT : เพื่อทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน


             2. ให้เราพิจารณาความหมายของแต่ละคำ เริ่มจาก “ราชตระกูล” คำๆนี้เรารู้จักมักคุ้นดีในวัฒนธรรมไทยของเรา คำนี้ใช้เรียกกับบุคคลที่เกิดมาในเชื้อพระวงศ์ เป็นบุคคลชั้นสูง เป็นหน่อเนื้อของพระมหากษัตริย์  อีกคำหนึ่งคือ “สมณะ” คำๆนี้ใช้กับคนในตระกูลเลวี ซึ่งมาจากบุตรคนที่สามของ     ยากอบ คนในตระกูลนี้มีหน้าที่รับใช้ในหน้าที่สงฆ์ ปฏิบัติหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ในพระวิหาร

            3. เมื่อเรานำเอาคำทั้งสองมารวมกัน ทำให้เราทราบว่าบุคคลที่ได้รับสมญานามนี้จะต้องเป็นบุคคลที่มีสายโลหิตของราชตระกูลนั้นเป็นบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้เพื่อให้ทำหน้าที่รับใช้พระองค์ในฐานะสงฆ์ ซึ่งมีสถานะที่แตกต่างจากสถานะทางสังคมทั่วไป

             4. เมื่อเราได้อ่านพระวรสารของนักบุญยอห์น เราเรียนรู้ว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงสอนเราว่า “ศีลล้างบาป” เป็นเงื่อนไขของการเข้าสังกัดในพระอาณาจักรของพระเจ้า ตามที่พระองค์ตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่าไม่มีใครเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า ถ้าเขาไม่เกิดจากน้ำและพระจิต"(ยน. 3:5) และเมื่อเราอ่านบทจดหมายของนักบุญยอห์นฉบับที่ 1 เราทราบว่า “เชื้อชีวิต” ของพระเจ้าดำรงอยู่ในตัวของผู้ที่ได้รับศีลล้างบาป นั้นเอง(1 ยน. 3:9)

            5. ด้วยเหตุนี้เองทำให้เราได้เรียนรู้ว่าคนที่ได้รับศีลล้างบาป ได้รับเข้าเป็นส่วนหนึ่งในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าซึ่งเป็นรูปแบบของพระอาณาจักรฝ่ายจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าในโลกนี้ นี้แหละที่ทำให้เราเป็นหน่อเนื้อแห่งสมณราชตระกูลขององค์พระผู้เป็นเจ้า
 
           6. ดังนั้นเมื่อใครก็ตามที่ได้กลับเป็นสมณราชตระกูล พวกเขาจะได้รับสถานะที่ยิ่งใหญ่กว่าสถานะใดๆในโลกนี้ พวกเขาได้รับการยกย่องให้เป็นถึงพระเจ้า “เราได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้า พระคัมภีร์เรียกผู้รับพระวาจาของพระเจ้าว่า เป็นพระเจ้า”(ยน.10:34)

          7. เมื่อเราเข้าใจถึงความหมายของการเป็นสมณะราชตระกูลแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจเนื้อหาใจความของบทอ่านที่สองที่ว่า “ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่ทรงเลือกสรรไว้ เป็นสมณราชตระกูล เป็นชนชาติศักดิ์สิทธิ์ เป็นประชากรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า เพื่อที่จะประกาศพระฤทธานุภาพของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืดสู่ความสว่างที่น่าพิศวงของพระองค์” (1 ปต. 2:9)

 “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต” (ยน. 14:6)            8. บางคนอาจคิดว่าฐานะการเป็นบุตรของพระเจ้านั้นเป็นของชนชาติอิสราเองเท่านั้น เพราะพวกเขาเป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร ในเรื่องนี้นักบุญเปาโลสอนว่า “ข้าพเจ้าจึงถามต่อไปว่า จริงหรือที่ชาวอิสราเอลสะดุดล้มอยู่เช่นนั้นตลอดไป ไม่ใช่เลย แต่เพราะพวกเขาต้องสะดุดล้ม ความรอดพ้นจึงมาถึงชนต่างชาติ เพื่อให้ชาวอิสราเอลเกิดความอิจฉา ถ้าการสะดุดล้มของพวกเขาทำให้โลกได้รับความไพบูลย์และความเสียหายของพวกเขาเป็นความไพบูลย์ของชนต่างชาติแล้ว ความไพบูลย์จะมีมากเพียงใด ถ้าชาวอิสราเอลมีความเชื่อ”(รม. 11:11-12)
 
          9. ดังนั้นโดยการสะดุดล้มของชาติชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร ประตูแห่งความรอดจึงเปิดออกสู่มวลมนุษย์ เราทุกคนจึงมีสิทธิที่จะได้เป็นบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือก ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร อายุเท่าไร ชนชาติใด มีการศึกษาหรือไม่อย่างไร ทุกคนสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในพระกายทิพย์ของพระเยซูคริสตเจ้า โดยอาศัยความเชื่อและศีลล้างบาป คริสตชนได้รับเลือกให้อุทิศตนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ในการรับใช้พระเจ้า นี้เป็นเอกสิทธิ์ของเราคริสตชน

        10. ในบทอ่านที่หนึ่งจากกิจการอัครสาวก(กจ.6:1-7) เราได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่สมณราชตระกูลได้ก่อตั้งขึ้น มีศิษย์ที่พูดภาษากรีกไม่พอใจศิษย์ที่พูดภาษาฮีบรู เพราะบรรดาแม่ม่ายของพวกตนไม่ได้รับการเอาใจใส่ในเรื่องการแจกจ่ายอาหาร เพื่อแก้ไขปัญหานี้ บรรดาอัครสาวกจึงได้ให้มีการเลือกผู้ช่วยที่เราเรียกว่า “สังฆานุกร” อีก 7 คน เพื่อจะได้ทำหน้าที่ช่วยเหลืองานของพวกท่าน บุคคลที่ได้รับเลือกที่เราคุ้นเคย คือ สเทเฟน ส่วนบุคคลอื่นๆได้แก่ ฟิลิป โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปาร์เมนัส และนิโคลัส

        11. ในจำนวนสังฆานุกรเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเลือกบุคคลเข้ามาเป็นสมณราชตระกูลโดยไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง อัครสาวกเป็นชาวยิว บางคนพูดภาษากรีก บางคนภาษาฮีบรู บางคนเป็นคนกลับใจมาจากเมืองอันติโอก เช่น นิโคลัส เราจะเห็นความหลายหลากของบรรดาสาวก ไม่ว่าจะเป็นภาษาหรือบ้านเกิดเมืองนอนไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ นี้แหละคือความรักและความเป็นสากลของการเป็นสมณราชตระกูล หรือคนของพระเจ้า ความเชื่อของคาทอลิกเปิดต้อนรับทุกคน และเชื้อเชิญทุกคนให้เข้ามาร่วมรับสถานะอันสูงส่งของการเป็นบุตรของพระเจ้า ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน

         12. บทอ่านจากพระวรสารในวันนี้มาจากนักบุญยอห์น(ยน. 14:1-12) ได้พูดถึงสถานะที่แท้จริงของพระเยซูเจ้า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต” (ยน. 14:6) หรือพูดในอีกนัยหนึ่ง พระองค์ทรงเป็น “หนทาง” ที่จะทำให้เราได้พบความจริงและชีวิตในฐานะที่เป็นสมณราชตระกูล เพราะพระองค์ทรงเป็น “คนกลาง” แต่เพียงผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์(1ทธ. 2:5)
13. เนื้อหาสำคัญประการหนึ่ง คือ พระเยซูเจ้าทรงพูดถึงความเสมอภาคของเราทุกคน “ในบ้านของพระบิดาของเรา มีที่พำนักมากมาย ถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้ว เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน”(ยน. 14:2) บางคนอาจจะตีความว่า ประโยคนี้หมายความว่าทุกคนได้จะได้เข้าพำนักอยู่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า ทุกคนมีสิทธิก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้าครอบครอง หรือได้เป็นสมณราชตระกูล
  
        14. เมื่อพระเยซูเจ้าทรงกล่าวประโยคนี้ พระองค์ทรงไม่ต้องการให้บรรดาสานุศิษย์เกิดความกลัวหรือกังวลใจว่าพระองค์จะจากพวกเขาไป พระองค์ทรงอ้างอิงสองเรื่องด้วยกันคือ (1) บ้านพระบิดามีที่อยู่มากมาย (2) การเตรียมสถานที่เพื่ออัครสาวก ทั้งสองคำนี้จะแยกจากกันไม่ได้ เพราะต่างเสริมซึ่งกันและกันในเรื่องที่พระเยซูทรงกล่าว

       15. ก่อนที่พระเยซูเจ้าจะกลับกลายเป็นเครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบในฐานะที่ทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้า หรือลูกแกะที่ถูกถวายบูชาบนไม้กางเขน บรรดาสานุศิษย์ยังไม่ได้มีพื้นที่ในพระอาณาจักรสวรรค์ แต่หลังจากความตายและการกลับคืนชีพของพระองค์แล้วนั้น(1คร.15:20)พระอาณาจักรของพระองค์ในเมืองสวรรค์และบนโลกจึงได้รับการสถาปนาขึ้น ในวันพระจิตเสด็จลงมาเมื่อพระเยซูเจ้าประทานพระจิตเจ้าเหนือบรรดาสานุศิษย์(กจ.2:4) พระองค์ได้ทรงเตรียมสถานที่สำหรับสานุศิษย์ของพระองค์ในพระอาณาจักรของพระองค์ พระจิตเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางสานุศิษย์แต่ละคน ทุกคนต่างเป็นวิหารของพระจิตเจ้า ทุกคนต่างก็มีสถานที่อยู่ในพระอาณาจักรของพระเจ้านั้นเอง(1คร.3:16)

         16. ในพระวรสารของนักบุญลูกา เราพบการยืนยันของพระเยซูเจ้าที่แสดงว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางชีวิตของคริสตชน เมื่อฟารีสีถามว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด พระองค์ทรงตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตได้ ไม่มีใครจะพูดว่าพระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั้น เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว”(ลก. 17:20-21)

       17. ดังนั้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงกล่าวว่ามีที่อยู่มากมายในบ้านของพระบิดานั้น พระองค์ตรัสความจริง เรารู้ว่ามีสวรรค์และยังมีไฟชำระ และยังมีพระวิหารของพระเจ้าจำนวนร้อยจำนวนพันมากมายที่อยู่ในตัวของสมณราชตระกูลซึ่งก็คือตัวของเราแต่ละคนที่ได้รับศีลล้างบาปแล้วนั้นเอง เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเสด็จไปเตรียมที่ให้เรา พระองค์ทรงประทานพระจิตเจ้าให้เรา เราได้น้อมรับด้วยความเชื่อและความรักแล้ว เราก็มีสถานที่ในเมืองสวรรค์แล้วอย่างแน่นอน

       18. สรุปได้ว่า ข่าวดีของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ เป็นข่าวดีที่ยืนยันถึงสิทธิประโยชน์ที่เราในฐานะผู้ที่มีความเชื่อและเข้ารับศีลล้างบาป จาการที่เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่พระเจ้าได้ทรงยกเราขึ้นสูงให้เป็นถึงสมณราชตระกูล พระคุณประการนี้เป็นพระคุณที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความดีงามของเราแม้สักนิด แต่เป็นเพราะความรักและพระเมตตาคุณที่พระองค์ประทานให้กับเราเปล่าๆ สิ่งที่เราจะตอบแทนพระคุณของพระเจ้าได้นั้นก็คือ การขอบพระคุณพระองค์ตลอดชีวิต และการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมกับสถานะอันสูงส่งขอเรา และที่สำคัญคือ ช่วยกัน “ประกาศพระฤทธานุภาพของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืดมาสู่ความสว่างที่น่าพิศวงของพระองค์”(1ปต.2:9)

 



บทเทศน์วันอาทิตย์

"ฉลองพระเมตตา"ข่าวดีสัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา (B)วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2024 ก.ความสำคัญ 1. วันอาทิตย์นี้เป็นวันฉลองพระเมตตาของพระเจ้า...
"มีชีวิตใหม่"ข่าวดีสมโภชปัสกา พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ (B)วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2024 ก.ความสำคัญ1. ปัสกาเป็นการฉลองที่สำคัญที่สุดของพระศาสนจักร เป็นจุดกำเนิดของความหวังเรื่องการกลับคืนชีพและชีวิตนิรันดร์ เราฉลองวันปัสกาด้วยความภาคภูมิใจและความชื่นชมยินดีด้วยเหตุผลสามประการ...
"แห่ใบลาน"ข่าวดีวันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า (B)วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2024 ก.ความสำคัญ 1. พระศาสนจักรฉลองสัปดาห์ที่หกในเทศกาลมหาพรต...

ข่าว-ประชาสัมพันธ์

เสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลบวช
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2024 เวลา 10.00 น. พระสังฆราชยอห์น ซิลวีโอ วิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ เสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และพิธีรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลบวช ณ...
เสกเสาเอก อาคารอนุรักษ์
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2024 เวลา 09.39 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานวจนพิธีกรรมเสกเสาเอก อาคารอนุรักษ์ "วัดพระหฤทัย" วัดบ้านเณร บ้างช้าง-บางนกแขวก...
วันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า
วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2024 เวลา 09.00 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณวันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า ณ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด...
ฉลองวัดนักบุญอังเยลา ซอนต้า
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2024 เวลา 10.30 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสฉลองชุมชนแห่งความเชื่อวัดนักบุญอังเยลา ซอนต้า จ.ราชบุรี ภาพ-ข่าวโดย สื่อมวลชนคาทอลิกสังฆมณฑลราชบุรี...
ฉลองวัดพระวิสุทธิวงศ์ แพรกหนามแดง
วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024 เวลา...
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแต่งตั้ง คุณพ่อเปาโลธวัช สิงห์สา เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่แห่งสังฆมณฑลนครสวรรค์
สังฆมณฑลราชบุรีร่วมโมทนาคุณพระเจ้าและแสดงความยินดีกับสังฆมณฑลนครสวรรค์โอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแต่งตั้งคุณพ่อเปาโลธวัช สิงห์สาเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่แห่งสังฆมณฑลนครสวรรค์ประกาศ ณ วันที่ 13...

ประกาศสำนักพระสังฆราช

ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง การแต่งตั้งโยกย้ายพระสงฆ์เข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่
ที่ สร.037/2024ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง การแต่งตั้งโยกย้ายพระสงฆ์เข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่...
ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
ที่ สร.112/2023ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง การแต่งตั้งและยืนยันตำแหน่งหน้าที่
ที่ สร.091/2023ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง การแต่งตั้งและยืนยันตำแหน่งหน้าที่

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทยรวมพลังรักษ์โลก ค.ศ.2024-2025

สารสังฆมณฑลราชบุรี

สารสังฆมณฑลราชบุรี ปีที่ 37 ฉบับที่ 3 เดือนมกราคม-เมษายน 2024

เล่า หลัง วัด

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

ปกิณกสาระพิธีกรรม

พ่อบูรณ์พ่อบู๊ชวนคุย

ความปีติยินดีแห่งความรัก

การปกป้องคุ้มครองนักเรียนฯ

นโยบายและแนวปฏิบัติในการปกป้องคุ้มครองนักเรียน โรงเรียน/สถานศึกษาสังกัดสังฆมณฑลราชบุรี

เพื่อนร่วมทาง

สถานที่อบรม-สัมมนา

ศูนย์ภาวนา"ทาบอร์" จ.กาญจนบุรี
บ้าน"เย็นเนซาเร็ธ" จ.เพชรบุรี
ค่ายลูกเสือดรุณาเฉลิมพระเกียรติบ้านพระหฤทัย บางนกแขวก