UT UNUM SINT : เพื่อทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน

             พระคัมภีร์ใช้สัญลักษณ์ตามธรรมชาติเพื่อสื่อให้เราเข้าใจในเรื่องที่เหนือธรรมชาติ วันนี้เราได้ฟังคำสอนของพระเยซูเจ้าที่ง่ายๆแต่เต็มไปด้วยความหมายสำหรับชีวิตของเรา

              “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย”
               ถ้าเรามองออกไปรอบๆตัวเรา เราจะเห็นความจริงนี้ กิ่งก้านใดที่ไม่ติดกับลำต้นก็จะต้องเหี่ยวแห้งและตายไป จากธรรมชาติเช่นนี้พระเยซูเจ้าต้องการสอนเราว่า เราต้องยึดติดกับพระองค์ ติดแบบแนบแน่น ไม่ใช่แค่เกาะหรือเกี่ยวแค่ภายนอกเท่านั้น
ทำอย่างไรเพื่อเราจะได้ยึดติดเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์

          ขอเสนอ 3 วิธีการ คือ หนึ่ง การมาร่วมชุมนุมกันในพระนามของพระเยซูเจ้า สอง การสดับฟังพระวาจาของพระองค์ และ สาม การเข้ารับศีลมหาสนิทซึ่งเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า

         ในเรื่องของการมาร่วมชุมนุมกันในพระนามของพระเยซูเจ้านั้น พระองค์ทรงสอนสานุศิษย์ของพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านอีกว่า ถ้าท่านสองคนในโลกนี้พร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้สถิตใน สวรรค์จะประทานให้ เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นท่ามกลางพวกเขา” (มธ 18:19-20) ดังนั้นถ้าที่ใด ครอบครัวใด สังคมใดสวดภาวนาด้วยกัน พระเจ้าก็จะทรงประทับอยู่ที่นั้น

          ในเรื่องของการสดับฟังพระวาจาของพระเจ้านั้น พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า “ผู้ใดฟังท่าน ผู้นั้นฟังเรา”(ลก 10:16) ดังนั้นเมื่อเรารับฟังพระวาจาของพระเจ้าและการอธิบายพระคัมภีร์หรือเมื่อเราเรียนพระคัมภีร์ เราเองก็ได้รับพระพรตามพระสัญญาของพระองค์

           ส่วนเรื่องการรับศีลมหาสนิท พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า “ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเราและเราก็ดำรงอยู่ในเขา”(ยน 6:56) เราเข้าชิดสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าก็ด้วยการเข้ารับเอาพระกายและพระโลหิตของพระองค์ให้มาเป็นเลือดเป็นเนื้อของเรา

            นี้แหละคือ 3 วิธีการที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า คือ การมาร่วมชุมนุมกันในพระนามของพระเยซูเจ้า การสดับฟังพระวาจาของพระองค์ และการเข้ารับศีลมหาสนิทซึ่งเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า

           เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ทำให้นึกถึงบุคคลจำนวนมากที่มักจะพูดหรือคิดว่า “พระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่จำเป็นที่จะต้องมาชุมนุมกันที่วัดเลย เราสามารถพบพระองค์ได้ทุกที่นั้นแหละ” หรือไม่ก็บอกว่า “เรื่องของพระเยซูเจ้านั้นจบไปตั้งนานแล้ว พระองค์ตายไปตั้งสองพันปีแล้ว”

           ให้เราพิจารณาเรื่องของนักบุญเปาโลที่บันทึกอยู่ในหนังสือกิจการของอัครสาวก
            “ขณะที่เขาเดินทางใกล้ถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวเขาไว้ เขาล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงกล่าวว่า “เซาโล เซาโล ท่านเบียดเบียนเราทำไม” เซาโลจึงถามว่า “พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร” พระองค์ตรัสว่า “เราคือเยซู ซึ่งท่านกำลังเบียดเบียน” (กจ 9:3-5)

             เปาโลสับสนมาก เพราะเขาไม่ได้เบียดเบียนพระเยซูเจ้า เขาทำร้ายผู้ที่ศรัทธาต่อพระองค์เท่านั้น
             ทำไม...ทั้งนี้ก็เพราะว่าพระเยซูเจ้าและผู้ศรัทธาต่อพระองค์นั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเลื่อมใสศรัทธาต่อกันนี้เป็นเหมือนศีรษะกับร่างกาย ความพยายามแยกพระเยซูเจ้าออกจากผู้ศรัทธาของพระองค์นั้น ก็เหมือนกับการแยกศีรษะออกจากร่างกาย

              และต่อมาก็เป็นเปาโลเองที่เขียนคำสอนที่ว่า “พระองค์ทรงเป็นศีรษะของร่างกาย คือพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ ทรงเป็นบุคคลแรกในบรรดาผู้ตายที่กลับคืนชีพ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง” (คส 1:18)

              ดังนั้นถ้าเราต้องการพบพระเยซูเจ้า เราต้องมาวัดด้วยกัน เราต้องเข้ามาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร เราต้องสวดภาวนาด้วยกัน อ่านพระคัมภีร์ ร่วมพิธีมิสซาฯและรับศีลมหาสนิทอย่างสม่ำเสมอ

              นอกจากนั้นแล้ว เราจะต้องทำให้พระเยซูเจ้าเป็นที่ปรากฏต่อสายตาของคนอื่นๆด้วย(นี้คือมิติด้านการแพร่ธรรมของเรา)
ครูคำสอนท่านหนึ่งพูดกับเด็กๆว่า “ถ้าหากเกิดมีระเบิดลูกใหญ่มาทำลายโลกของเรา ทุกคนตายหมด เหลือแต่พวกเราที่นี้เท่านั้นที่รอด แล้วพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าจะอยู่ที่ไหน”

              เด็กๆพากันคิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วพวกเขาก็เห็นแสงสว่าง พากันตอบว่า “พระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าก็อยู่ในห้องนี้แหละ เพราะพวกเราคือพระศาสนจักรนั้นเอง”
ถูกต้องทีเดียว

              พระศาสนจักรไม่ได้อยู่ที่ “สถานที่” ที่คนมาชุมนุมกัน แต่อยู่ที่ “การชุมนุมกัน” ของผู้ที่มีความเชื่อในพระเยซูเจ้า
              พระศาสนจักรไม่ใช่ “สถานที่” ที่คนมาชุมนุมกันเพื่อภาวนา แต่อยู่ที่ “บุคคล” ที่มารวมตัวกันเพื่อภาวนา
              พระศาสนจักรจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อมีคนมาร่วมชุมนุมกัน
              พระศาสนจักรเหมือนกับปังกับเหล้าองุ่นที่เราใช้ในพิธีมิสซาฯ มาจากข้าวสาลี่และองุ่นจำนวนมากถูกหลอมรวมกัน
              เช่นเดียวกับพวกเราที่นี่
              การมาร่วมชุมนุมกันของพวกเรา ทำให้เกิดพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้า
              การมาร่วมตัวกันที่วัดแห่งนี้ทำให้พระเยซูเจ้าได้ปรากฏตัวตนให้คนอื่นๆได้เห็น
              การมาวัดของพวกเราทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนชีพจริงแท้และประทับอยู่ท่ามกลางเรา
             และนี้แหละเป็นคำสอนของพระเยซูเจ้าที่ต่อเนื่องมาจากคำเทศนาเรื่องความสุขที่แท้จริง คือ “ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะไม่ถูกปิดบัง...ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์  เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์(มธ 5:14,16)


            ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นถาองุ่นและพวกลูกเป็นกิ่งก้าน พวกลูกอยู่ห่างหรือแยกจากพระองค์ไม่ได้ ขอพระองค์ทรงเหนี่ยวนำลูกให้ยึดติดกับพระองค์อยู่เสมอ อย่า ได้พรากจากพระองค์ไปแม้สักนาทีเดียว เพื่อให้ชีวิตของลูกได้บังเกิดผล และขอให้การมาวัดของพวกลูกเป็นการประกาศการกลับฟื้นคืนชีพของพระองค์ให้แก่ปวงชนด้วยเทอญ
(แนวคิดของคุณพ่อ Mark Link,S.J.)

บทเทศน์วันอาทิตย์

"ฉลองพระเมตตา"ข่าวดีสัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา (B)วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2024 ก.ความสำคัญ 1. วันอาทิตย์นี้เป็นวันฉลองพระเมตตาของพระเจ้า...
"มีชีวิตใหม่"ข่าวดีสมโภชปัสกา พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ (B)วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2024 ก.ความสำคัญ1. ปัสกาเป็นการฉลองที่สำคัญที่สุดของพระศาสนจักร เป็นจุดกำเนิดของความหวังเรื่องการกลับคืนชีพและชีวิตนิรันดร์ เราฉลองวันปัสกาด้วยความภาคภูมิใจและความชื่นชมยินดีด้วยเหตุผลสามประการ...
"แห่ใบลาน"ข่าวดีวันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า (B)วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2024 ก.ความสำคัญ 1. พระศาสนจักรฉลองสัปดาห์ที่หกในเทศกาลมหาพรต...

ข่าว-ประชาสัมพันธ์

เสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลบวช
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2024 เวลา 10.00 น. พระสังฆราชยอห์น ซิลวีโอ วิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ เสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และพิธีรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลบวช ณ...
เสกเสาเอก อาคารอนุรักษ์
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2024 เวลา 09.39 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานวจนพิธีกรรมเสกเสาเอก อาคารอนุรักษ์ "วัดพระหฤทัย" วัดบ้านเณร บ้างช้าง-บางนกแขวก...
วันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า
วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2024 เวลา 09.00 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณวันอาทิตย์ (ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า ณ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด...
ฉลองวัดนักบุญอังเยลา ซอนต้า
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2024 เวลา 10.30 น. พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสฉลองชุมชนแห่งความเชื่อวัดนักบุญอังเยลา ซอนต้า จ.ราชบุรี ภาพ-ข่าวโดย สื่อมวลชนคาทอลิกสังฆมณฑลราชบุรี...
ฉลองวัดพระวิสุทธิวงศ์ แพรกหนามแดง
วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024 เวลา...
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแต่งตั้ง คุณพ่อเปาโลธวัช สิงห์สา เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่แห่งสังฆมณฑลนครสวรรค์
สังฆมณฑลราชบุรีร่วมโมทนาคุณพระเจ้าและแสดงความยินดีกับสังฆมณฑลนครสวรรค์โอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแต่งตั้งคุณพ่อเปาโลธวัช สิงห์สาเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่แห่งสังฆมณฑลนครสวรรค์ประกาศ ณ วันที่ 13...

ประกาศสำนักพระสังฆราช

ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง การแต่งตั้งโยกย้ายพระสงฆ์เข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่
ที่ สร.037/2024ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง การแต่งตั้งโยกย้ายพระสงฆ์เข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่...
ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
ที่ สร.112/2023ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
ประกาศสังฆมณฑลราชบุรี เรื่อง การแต่งตั้งและยืนยันตำแหน่งหน้าที่
ที่ สร.091/2023ประกาศสังฆมณฑลราชบุรีเรื่อง การแต่งตั้งและยืนยันตำแหน่งหน้าที่

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทยรวมพลังรักษ์โลก ค.ศ.2024-2025

สารสังฆมณฑลราชบุรี

สารสังฆมณฑลราชบุรี ปีที่ 37 ฉบับที่ 3 เดือนมกราคม-เมษายน 2024

เล่า หลัง วัด

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

ปกิณกสาระพิธีกรรม

พ่อบูรณ์พ่อบู๊ชวนคุย

ความปีติยินดีแห่งความรัก

การปกป้องคุ้มครองนักเรียนฯ

นโยบายและแนวปฏิบัติในการปกป้องคุ้มครองนักเรียน โรงเรียน/สถานศึกษาสังกัดสังฆมณฑลราชบุรี

เพื่อนร่วมทาง

สถานที่อบรม-สัมมนา

ศูนย์ภาวนา"ทาบอร์" จ.กาญจนบุรี
บ้าน"เย็นเนซาเร็ธ" จ.เพชรบุรี
ค่ายลูกเสือดรุณาเฉลิมพระเกียรติบ้านพระหฤทัย บางนกแขวก