พระคัมภีร์และคำสอน
3. บทอ่านที่หนึ่ง (โยบ 7:1-4, 6-7) เราทราบทัศนคติต่อชีวิตของโยบ เขาบ่นว่าชีวิตน่าเบื่อและไร้ประโยชน์ การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่น่าสงสาร แต่ต่อมาเขาก็ยอมมอบตนเอง ความทุกข์ การงานและทุกสิ่งทั้งที่มีและสูญเสียไปไว้กับพระปรีชาญาณของพระเจ้า
4. บทสดุดี (สดด 147) ชาวอิสราเอลสรรเสริญพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงรวบรวมและเยียวยารักษาหัวใจที่แตกสลายของพวกเขาหลังจากที่พ้นจากการเนรเทศ
5. บทอ่านที่สอง (1 คร 9:16-19, 22-23) เราทราบชีวิตของเปาโล ท่านภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์ของพระคริสต์ ท่านพร้อมที่จะรับใช้พระเจ้าดุจทาสในการประกาศข่าวดีและงานอื่นๆ โดยไม่หวังผลอะไรเลย
6. พระวรสาร (มก 1: 29-39) เราเห็นชีวิตของพระเยซูที่ทรงอุทิศตนทุมเทรับใช้ผู้อื่น ดูแบบอย่างชีวิตของพระเยซูในวันสับปาโต พระองค์ทรงไปศาลาธรรม ไปเยี่ยมแม่ยายของเปโตร รักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย วันรุ่งขึ้นตื่นแต่เช้าเพื่อภาวนา แล้วก็ออกไปเทศนาสั่งสอนประชาชน และขับไล่ปีศาจ
ข้อปฎิบัติ
7. ให้เราดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงจัดสรรเวลาของพระองค์เพื่อภาวนาและทำงานแบบอย่างไม่หยุดหย่อน เราควรแบ่งเวลาของเราให้สมดุล มีเวลาเพื่อภาวนา ร่วมมิสซา อ่านพระคัมภีร์ สายสายประคำ และมีชีวิตเพื่อผู้อื่นเหมือนพระเยซู โดยการออกไปเยื่ยมเยือนเพื่อนบ้าน คนเจ็บไข้ได้ป่วย การภาวนาเพื่อบุคคลที่มีความทุกข์หรือต้องการคำภาวนา และงานแห่งความรักเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ การให้อภัย งานจิตอาสาต่างๆ แทนที่จะด่าว่าหรือท้อแท้กับชีวิตของตนเอง
8. พระเยซูเจ้าทรงภาวนาและทรงทำงาน เราจะต้องไม่เอาแต่ภาวนาแต่ไม่ทำอะไรเลย ภาวนาต้องเป็นพลังหรือแบตเตอร์รีที่ช่วยให้เราลงมือปฏิบัติ หรือช่วยเหลือประชาชนให้มีความสุขเหมือนพระเยซูเจ้าทรงกระทำ เราเองต้องการให้คนอื่นปฏิบัติกับเราอย่างไร เราก็ต้องกระทำเช่นนั้นกับเขาก่อน พระเยซูทรงเรียกผู้คำปรึกษา แพทย์พยาบาล เพื่อน ครูอาจารย์ แม้กระทั่งคนแปลกหน้าเพื่อช่วยงานของพระองค์ เราทุกคนต่างมีพระพรหรือความสามารถที่จะรับใช้พระองค์ได้เช่นเดียวกับ
9. ดังนั้นท่านจะเลือกการดำเนินชีวิตเหมือนใคร โยบ หรือเปโตร หรือพระเยซูเจ้า