ประสบการณ์ชีวิต
1. มิสซาวันนี้เป็นการเฉลิมฉลองเพื่อระลึกเหตุการณ์ใหม่ 3 ประการ ซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตของพระศาสจักรและชีวิตของเราแต่ละคน คือ กำเนิดของพิธีมิสซา การบวชพระสงฆ์ และการประกาศพระบัญญัติแห่งความรัก
พระคัมภีร์และคำสอน
2. บทอ่านที่หนึ่ง (อพย 12:1-8, 11-14) พระเจ้าทรงให้คำแนะนำชาวฮิบรูสองประการ คือ การเตรียมตัวเพื่อการอพยพโดยการกินเลี้ยงลูกแกะและการทำเครื่องหมายที่ประตูบ้านเพื่อให้ครอบครัวรอดพ้นจากความตาย
3. บทอ่านที่สอง ((I คร11:23-26) นักบุญเปาโลเน้นการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าซึ่งได้กระทำสืบทอดกันมาตั้งแต่พระศาสนจักรเริ่มแรก สืบทอดต่อกันมา เพื่อให้คริสตชนได้เตือนตนเองถึงเรื่องความตายและการกลับฟื้นคืนชีพของพระเยซูเจ้า
4. พระวรสาร (ยน13:1-15) พระเยซูเจ้าได้ปรับเปลี่ยนการฉลองปัสกาของชาวยิวให้เป็นพิธีมิสซา หลังจากการล้างเท้าอัครสาวกและสอนให้ทุกคนมีความสุภาพถ่อมตนรับใช้กันและกัน พระเยซูสรุปพิธีด้วยการมอบพระวรกายและพระโลหิตภายใต้รูปปรากฏของปังและเหล้าองุ่นให้เป็นอาหารและเครื่องดื่มฝ่ายจิต เพื่อให้ตัวของพระองค์เป็นลูกแกะปัสกา
ข้อปฎิบัติ
5. “เราต้องสุภาพถ่อมตน” การร่วมมิสซาเรียกร้องให้เราล้างเท้ากันและกัน เช่น ช่วยเหลือผู้อื่น เคารพพระเยซูเจ้าในตัวของผู้อื่น มองดูความต้องการของผู้อื่นและหาทางช่วยเหลือโดยไม่หวังผลใดๆ
6. “ความรักเชิญชวนให้เราอุทิศตน” ให้เราเลียนแบบการอุทิศตนเพื่อผู้อื่นของพระเยซูเจ้า ที่ได้มอบพระวรกายและพระโลหิตให้เป็นอาหารและเครื่องดื่มฝ่ายจิตในพิธีมิสซา เราอาจจะทำได้โดยการแบ่งปันพระพร เวลา เครื่องใช้ไม้สอย วัตถุสิ่งของ ให้ผู้อื่น ถ้าเราเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์ เราจะต้องนำเอาบัญญัติใหม่ที่พระองค์มอบให้ไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
7. “จงเป็นประจักษ์พยานของพระคริสต์” พระสงฆ์ส่งพวกเราออกไปหลังจากมิสซาจบแล้วด้วยถ้อยคำที่ว่า “พิธีบูชามิสซาจบแล้วจงไปปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าเถิด” หรือ “จงไปในสันติและรับใช้ผู้อื่นเถิด” ให้เรานำเอาพระวาจาของพระองค์ไปปฏิบัติในบ้าน ในที่ทำงาน กับทุกคนที่เราพบปะ ด้วยความรักความเมตตา ความสนสนใจและห่วงใย ดุจดังที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำเป็นแบบอย่าง