คือพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและพันธกิจของพระองค์คือการเทศนาข่าวดีเรื่องความรักของพระเจ้าและการไถ่กู้ชาวอิสราเอลและพวกเราทุกคนให้รอดพ้นจากบาปประการที่สาม “เป็นช่วงเวลาแห่งการรับมอบพลังอำนาจในการทำพันธกิจ” โดยพระจิตเจ้าได้เสด็จมาประทับกับพระองค์เพื่อมอบอำนาจในการเทศน์สอนและการบำบัดรักษา และประการที่สี่ “เป็นช่างเวลาแห่งการตัดสินใจเพื่อเริ่มพันธกิจสาธารณะ” หลังจากได้รับการรับรองจากพระบิดาเจ้าสวรรค์ว่าทรงเป็นพระบุตรสุดที่รักของพระองค์
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (อสย42:1-5,9-11): ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวให้กำลังใจชาวอิสราเอลว่าพระผู้ไถ่ที่พวกเขารอคอยใกล้จะเสด็จมาแล้ว ความบาปผิดต่างๆจะได้รับการลบล้างให้สิ้นไป ทรงรักพวกเขาเหมือนคนเลี้ยงแกะที่รวบรวมและอุ้มลูกแกะในอ้อมกอด
2. บทสดุดี (สดด29): เป็นบทขับร้องยืนยันถึงการเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพระสุรเสียงของพระเจ้าที่ดังก้องเหนือน่านน้ำ
3. บทอ่านที่สอง (ทต2:11-14, 3:4-7): น.เปาโลได้กล่าวถึงชีวิตของพระเยซูเจ้าที่ทรงไถ่บาป ชำระเราให้บริสุทธิ์โดยการยอมรับทนทรมานและความตายบนไม้กางเขน ต่อมาพระองค์ทรงใช้น้ำชำระเราให้สะอาดบริสุทธิ์ ได้รับการเกิดใหม่และการฟื้นฟูโดยพระจิต
4. พระวรสาร (ลก 3:15-16, 21-22) :น.ลูกาเล่าเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง และได้รับการรับรองจากพระบิดาด้วยพระสุรเสียงจากเบื้องบนว่าพระเยซูเจ้าว่าเป็นบุตรสุดที่รักของพระองค์และรับพลังในการเทศนาและการบำบัดรักษาจากพระจิตโดยเสด็จมาในสัญลักษณ์ที่เป็นดุจนกพิราบ
ค. ปฏิบัติ
1. “การรับพิธีล้างของพระเยซูเตือนเราให้คิดถึงเอกลักษณ์ของเราเอง”ว่าเราเป็นใคร และเป็นคนของใคร โดยศีลล้างบาปเราได้กลับกลายเป็นบุตรชาย/บุตรหญิงของพระเจ้า เป็นพี่น้องของพระเยซู เป็นสมาชิกของพระศาสนจักรเป็นทายาทแห่งเมืองสวรรค์ และเป็นวิหารของพระจิต
2. “การรับพิธีล้างของพระเยซูเตือนเราให้คิดถึงบทบาทหน้าที่ของเรา”
(1) ประสบการณ์ถึงการประทับของพระเจ้าในตัวของเรา สำนึกตนถึงศักดิ์ศรีของเราในการเป็นบุตรของพระเจ้าและชื่นชมที่พระเจ้าประทับอยู่ในตัวของผู้อื่นด้วย ซึ่งเราจะต้องแสดงออกด้วยการเคารพ รัก และช่วยเหลือทุกคนด้วยใจสุภาพ
(2) ดำเนินชีวิตในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้าด้วยความคิด วาจา และกิจการของเรา
(3) “ดำเนินชีวิตเป็นคริสตชนที่โปร่งใสและศักดิ์สิทธิ์” เคารพร่างกายของตนเองในฐานะที่เป็นวิหารของพระจิตและเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในพระกายศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู และสมาชิกของพระศาสนจักร
โดยการรักษาร่างกายให้บริสุทธิ์ ดูแลสุขภาพให้ดี พอใจในร่างกายของตนเอง ไม่อิจฉาคนอื่น ไม่เกียจร่างกายของตนเองไมทรมานหรือฟุ้งเฟื้อตนเอง
(4) “ยอมรับประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีของชีวิต” ว่าเป็นของขวัญจากพระบิดาเจ้าสวรรค์ เพื่อทำให้เราเติบโตก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์
(5) “ดำเนินชีวิตใกล้ชิดพระเจ้า” ในชีวิตประจำวันของตนเองและครอบครัว โดยการภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ การไปร่วมมิสซา และการรับศีลอภัยบาปเป็นประจำ
3.“ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพรที่เราได้รับจากศีลล้างบาป” และฟื้นฟูคำสัญญาศีลล้างบาป และประกาศข่าวดี(เผยแผ่ธรรม) โดยการดำเนินชีวิตที่โปร่งใส ความรัก ความเมตตา การช่วยเหลือ และการให้อภัย