บทเทศน์สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ
พระเจ้าสถิตกับเรา
ก. ความสำคัญ
1. เมื่อเรารักใครสักคน เราคงต้องหาเวลาที่จะอยู่ใกล้ชิดกับเขาอยู่ตลอดเวลา นี้ก็เป็นความจริงระหว่างพระเจ้ากับเราด้วย พระเจ้าของเราทรงรักเรามากจึงทรงปรารถนาที่จะอยู่กับเราตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ในชีวิตนี้เท่านั้นแต่ยังไปถึงชีวิตหน้า ที่เป็นนิจนิรันดรอีกด้วย ดั่งที่พระวรสารได้พูดถึงในวันนี้ว่าจะมีเด็กชายคนหนึ่งเกิดมาจากพระนางมารีย์ตามคำทำนายของประกาศกอิสยาห์ และจะได้ชื่อว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา” นี้แหละเป็นข่าวดีอย่างแท้จริงสำหรับมวลมนุษย์ เรามีพระเจ้าที่ไม่อยากจะอยู่ห่างจากเราแม้สักวินาที แต่ปรารถนาจะอยู่กับเราตลอดเวลา เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่พวกเราเองกลับชอบที่อยู่ห่างไกลจากพระองค์ กลัวที่จะอยู่ใกล้พระองค์ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1.บทอ่านที่หนึ่ง (อสย 7:10-14) ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวคำทำนายว่าหญิงสาวคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา” ซึ่งคำทำนายนี้ได้เกิดขึ้นจริงตามที่เราได้รับฟังในพระวรสารวันนี้
2.บทอ่านที่สอง (รม 1:1-7) นักบุญเปาโลผู้ซึ่งครั้งหนึ่งได้เป็นผู้ที่รังเกียจพระเยซูและเบียดเบียนทุกคนที่ศรัทธาในพระองค์ แต่หลังจากที่ได้ศึกษาอย่างจริงจังจังแล้วจึงได้ยอมรับและกลับมาเป็นผู้ประกาศว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ไถ่และเชิญชวนให้ชาวโรมได้หันมาเชื่อศรัทาในพระองค์เหมือนกับท่านด้วย
3.พระวรสาร (มธ1:18-24) เราได้ยินเรื่องของนักบุญโยเซฟที่กำลังตกใจสับสนที่ได้ทราบว่าพระนางมารีย์ตั้งครรภ์โดยที่ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย นับว่าเป็นช่วงวิกฤติของชีวิต เขาจะทำอย่างไรดี ด้วยการเป็นคนที่ชอบธรรม ท่านจึงตัดสินใจที่จะไม่ประมาณพระนางมารีย์ แต่ขอหย่าอย่างเงียบๆ (ธรรมเนียมยิวพ่อแม่จัดการหมั้นหมายตั้งแต่แรกเกิด) ในช่วงเวลาแห่งความมืดมน ท่านตัดสินใจหาทางแก้ปัญหาแบบมนุษย์บางทีท่านอาจจะสงสัยพระเจ้าด้วยซ้ำว่าทำไมพระองค์จึงทรงอนุญาตให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น พระเจ้าได้ทรงช่วยท่านให้ผ่านวิกฤตินั้นโดยเผยแสดงความจริงผ่านทางฝันว่าไม่ต้องกลัวที่จะรับพระนางมารีย์เป็นภรรยาเพราะพระนางทรงครรภ์ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า และเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงตามคำที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวล่วงหน้าไว้ (740 ก.ค.ศ)
ค.ปฏิบัติ
1. “ให้พระเจ้าสถิตกับเรา” เรามีพระเจ้าที่ทรงปรารถนาที่จะอยู่ใกล้เราอย่างมากที่สุด จึงทรงเสด็จมาบังเกิดมาเป็นมนุษย์โดยผ่านทางพระแม่มารีย์ และนักบุญโยเซฟในฐานะที่เป็นบิดาทางกฎหมาย พระองค์ไม่ทรงบังคับใครให้ตอบรับพระองค์ แต่พระองค์ทรงเคาะประตูหัวใจของเรา ขออนุญาตให้เราเปิดหัวใจออกต้อนรับพระองค์ เหมือนพระแม่มารีย์และนักบุญโยเซฟ ที่ต้อนรับการเชื้อเชิญให้เป็นบิดาและมารดาของพระองค์ในโลกนี้ เราจะเปิดหัวใจต้อนรับพระองค์ด้วยการมาวัดทุกวันอาทิตย์ สวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอ รับศีลมหาสนิทด้วยความศรัทธา ติดตามรับฟังพระคัมภีร์ในพิธีมิสซาแล้วนำคำสอนที่ได้ไปปฏิบัติในชีวิต
2. “ทำตนให้เป็นของขวัญ” คริสต์มาสเป็นเวลาที่เราให้ของขวัญแก่กันเพื่อเป็นเครื่องหมายของความรัก ของขวัญที่เราได้รับจากพระเจ้าคือพระเยซู แล้วเราจะให้อะไรเป็นของขวัญให้พระเจ้าบ้าง สิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาก็คือขอให้เราทำความดีให้แก่กันและกัน เพื่อสืบสานสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ความเมตตาและการให้อภัยที่พระเจ้าประทานให้เรานั้นจะยังคงอยู่ในโลกก็โดยที่เรามีเมตตาและให้อภัยแก่กันและกัน เช่นเดียวกับความเห็นอกเห็นใจ ความเพียรทน ความสุภาพถ่อมตน ดังนั้นของขวัญที่เราจะให้พระองค์ในวันคริสต์มาสที่ดีที่สุดก็คือทำความดีดั่งดีพระเยซูทรงกระทำ
3. “แข็งแกร่งดุจแม่พระและนักบุญโยเซฟ” เราทรายข่าวตึกถล่มอยู่บ่อยๆ แม้ว่าตึกเหล่านั้นจะถูกสร้างอย่างแข็งแรงยังมีวันล่มสลาย (ตัวอย่างตึก World Trade Centre USA เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001) นี้เป็นความแข็งแกร่งที่สร้างด้วยมือมนุษย์ ในพระวรสารเรามีตึกที่สำคัญ คือ พระแม่มารีย์และนักบุญโยเซฟที่เป็นดั่ง “ตึกแห่งความเชื่อ” ที่แข็งแกร่ง ท่านทั้งสองไม่ยอมแพ้เมื่อมีวิกฤติในชีวิต ยามที่ถูกโจมตีด้วยความสงสัย ความทุกข์ ชีวิตของทั้งสองไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์แต่ด้วยพระพรแห่งความเชื่อ และความไว้วางใจในพระเจ้า ชีวิตของเราก็เช่นกัน ถ้าชีวิตของเราชิดสนิทกับพระเจ้า เราอยู่ใกล้ชิดพระเจ้า แม้จะมีวิกฤติการณ์อะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเรา เราก็จะยืนหยัดอยู่ได้ จนสามารถปฏิบัติภารกิจของเราให้สำเร้จลุล่วงไปได้เช่นพระแม่มารีย์และนักบุญโยเซฟ