จงภูมิใจเถิด
ข่าวดีวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ (11 เมษายน 2020)
ก.ความสำคัญและความหมาย
1. วันที่เราระลึกถึงการเชิญพระศพของพระเยซูเจ้าไปฝังในพระคูหา พระศาสนจักรในยุคแรกเริ่มทำการระลึกถึงความตายของพระเยซูเจ้าในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ฝังพระองค์ในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ และการกลับคืนชีพของพระองค์ในวันอาทิตย์ปัสกา
2. วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์และวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นวันจำศีลอดอาหารในพระศาสนจักรยุคแรก
3. เป็นวันเพื่อการรับศีลล้างบาป หลังจาก ค.ศ. 313 เมื่อพระศาสนจักรได้รับอิสรภาพในการนับถือศาสนาจากพระจักรพรรดิคอนสแตนติน วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นวันต้อนรับคริสตชนสำรองเข้าสู่พระศาสนจักร หลังจากที่ได้ใช้เวลาสามปีเพื่อการเตรียมตัว ศีลล้างบาปโดยการจุ่มตัวผู้รับลงในน้ำหรือในอ่างศีลล้างบาป ซึ่งเป็นการเตือนใจว่าพวกเขาได้ตายจากชีวิตเก่าจากความเชื่ออื่นๆ เข้ามามีชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสตเจ้าเมื่อขึ้นจากน้ำ
4. วันเพื่อการเสกน้ำศีลล้างบาป คริสตชนสำรองจะนำหนังสือความสอน (หนังสือแห่งความเชื่อ) มามอบให้ให้กับพระสังฆราชในตอนเช้า และจะมีการสอบคำสอน จากนั้นพระสังฆราชจะเสกน้ำล้างบาปในตอนเย็น
5. เป็นวันแห่งการจุดเทียนปัสกา พระสังฆราชจะจุดไฟที่ดับในวันพฤหัสฯศักดิ์สิทธิ์ขึ้นใหม่ และจุดเทียนปัสกาเพื่อเป็นตัวแทนของพระเยซูในฐานะที่ทรงเป็น “แสงสว่างส่องโลก” เลียนแบบธรรมเนียมการจุดตะเกียงสับบาโต (Sabbath lamps) ของชาวยิวในเย็นวันศุกร์ ซึ่งพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกนั้นได้จุดและตั้งตะเกียงในเย็นวันเสาร์เพื่อให้เกียรติแด่พระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็น “แสงสว่างของโลก”
6. เป็นวันแห่งการอ่านบทจดหมาย 1 เปโตร 2:9 ที่เตือนใจประชาชนให้ตระหนักถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของตนในฐานะที่เป็น “ประชาชนที่ได้รับการเลือกสรรไว้ เป็นสมณราชตระกูล เป็นชนชาติที่ศักดิสิทธิ์ เป็นประชากรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า เพื่อจะประกาศพระฤทธานุภาพของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืดสู่ความสว่างที่น่าพิศวง”
7. เป็นวันแห่งการรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลล้างบาป สัตบุรุษได้รับการร้องขอให้กล่าวรื้อฟื้นคำสัญญาศีลล้างบาปว่าจะละทิ้งปีศาจและคำสัญญาที่ว่างเปล่าของมัน โดยยอมรับพระเยซูเจ้าว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด และได้สวมใส่เสื้อขาวเป็น “คนใหม่” แทนเสื้อเก่า (คนเก่า) ที่ถอดออก
ข. พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (รม 6:3-11) นักบุญเปาโลสอนคำสอนชาวโรมเรื่องคุณค่าของศีลล้างบาป ทุกคนที่ล้างบาปก็ได้ร่วมชีวิตกับพระเยซูเจ้า การล้างบาปทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า
2. บทพระวรสาร (มธ 28:1-10) เล่าถึงเหตุการณ์ที่มารีย์ชาวมักดาลาได้พบกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ พระเยซูสั่งนางว่า “อย่ากลัว จงไปแจ้งข่าวแก่พี่น้องของเรา”
ค. ปฏิบัติ
1. “จงภูมิใจเถิด” ชีวิตของเราได้รับเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างมากมายที่ได้มาเป็นลูกของพระเจ้า เราแต่ละคนล้วนเป็นคนบาป ไม่เหมาะสมกับเกียรติอันยิ่งใหญ่นี้ ยิ่งคิดยิ่งต้องขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี
2. “เป็นคนใหม่” เรารับศีลล้างบาปแล้ว สวมเสื้อขาวซึ่งหมายถึงสวมพระคริสต์แล้ว ชีวิตเก่า ความประพฤติที่ไม่ดี นิสัยที่ไม่ดี ควรละทิ้ง แล้วหันกลับมาเป็นลูกที่ดีของพระเจ้า
3. “เป็นแสงสว่างส่องโลก” เช่นเดียวกับพระเยซูที่ทรงเป็น คือ มีชีวิตที่โปร่งใส นำทางให้คนอื่นได้ เป็นแบบอย่างได้ เหมือนเทียนปัสกาที่ลุกโชติช่วงท่ามกลางความมืด
4. “ประกาศข่าวดี” ให้เราเป็นเหมือนมารีย์ชาวมักดาลาที่รับคำสั่งของพระเยซูเจ้า ให้ไปแจ้งข่าวเรื่องการกลับคืนชีพของพระองค์ให้คนอื่นๆได้รับทราบ