กำลังใจ
ข่าวดีสัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
(26 เมษายน 2020)
ก.ความสำคัญ
1. พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้มุ่งหวังให้ “กำลังใจ” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเรา พระเยซูผู้ทรงกลับคืนชีพประทับอยู่กับเราเสมอ พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างกับบุคคลที่แสวงหาพระองค์และบุคคลที่ต้องการที่จะดำรงชีวิตในพระองค์ คือ ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1.บทอ่านที่หนึ่ง (กจ. 2:14,22-28) เป็นคำเทศน์ของนักบุญเปโตรเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูเจ้า โดยสอนว่าพระเยซูเจ้าได้กลับคืนชีพจากความตายอย่างไรและได้ทำให้พันธสัญญาเรื่องการไถ่กู้มนุษยชาติตั้งแต่สมัยของกษัตริย์ดำวิดสำเร็จไปได้อย่างไร
2. บทอ่านที่สอง (1ปต. 1:17-21) นักบุญเปโตรได้ประกาศให้บรรดาคริสตชนสมัยเริ่มแรกให้วางความเชื่อและความหวังของตนไว้กับพระเจ้าที่ได้ทรงช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากบาปโดยผ่านทางพระโลหิตที่ทรงคุณค่าของพระบุตรคือพระเยซูคริสต์
3. พระวรสาร (ลก. 24:13-35) เหตุการณ์การเดินทางไปยังหมู่บ้านเอมมาอูสแสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งเราเมื่อเราลำบากและหมดหวัง ดังนั้นข่าวดีประจำวันอาทิตย์นี้ก็คือผู้ที่ติดตามพระเยซูเจ้ายังคงติดต่อสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพโดยผ่านทางการภาวนา การรับศีลมหาสนิท และพระคัมภีร์ บทอ่านยังคงเตือนใจเราว่าความเชื่อของเราในการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในแผ่นปังและเหล้าองุ่นที่ได้รับการเสกให้ศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้นจะช่วยเราในความเข้าใจเรื่องการประทับอยู่ของพระเจ้าในพระคัมภีร์และความเชื่อและการนมัสการพระองค์ในพิธีมิสซาฯ การนำเอาสองปรากฏการณ์ (เอมมาอูสและนักบุญเปโตร) มารวมกันเป็นคำสอนที่ชัดเจนว่าพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงต้องการให้นักบุญเปโตรเป็นผู้ประกาศข่าวให้พระองค์ และสำหรับสัตบุรุษผู้ที่แสวงหาพระองค์ควรที่จะภาวนา รับศีลมหาสนิทและอ่านพระคัมภีร์ภายใต้การนำของนักบุญเปโตรและผู้สืบทอดของท่าน
ค.ปฏิบัติ
1. “พระเยซูทรงพบเราที่ถนนไปเอมมาอูส” พระเยซูผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงพบเราทั้งในประสบการณ์ธรรมดา ๆ ในชีวิตของเรา และในเวลาที่เรามีความยุ่งยากลำบากใจ เราเองมีความหวัง มีความฝันอยากให้ชีวิตของเรามีแต่สิ่งที่ดี ๆ มีสุขภาพที่ดี มีหน้าที่การงานและฐานะที่มั่นคง มีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและในหมู่คณะ แต่บางครั้งมันก็ไม่เป็นไปตามนั้น อย่างไรก็ดี พระเยซูเจ้าอาจจะมาพบเราในรูปแบบที่เราไม่คุ้นหรือไม่คาดคิด เพื่อช่วยเหลือเราและเสริม กำลังใจให้เราเหมือนพระองค์มาพบกับศิษย์ที่กำลังมีความทุกข์ในขณะเดินทางไปเอมมาอูส
2. “พบพระเยซูในชีวิตประจำวัน” พระศาสนจักรสอนเราให้ฟังเสียงของพระองค์ โดยการอ่านพระคัมภีร์และนำพระวาจานั้นมาไตร่ตรอง และโดยผ่านประสบการณ์กับพระเยซูเมื่อเราเข้าร่วมในพิธีมิสซา การเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทที่องค์พระเยซูเจ้าทรงมอบตัวพระองค์เองให้เป็นอาหารฝ่ายจิตให้เราและครอบครัว เพื่อเราจะได้นำพระองค์ไปมอบคนอื่น ๆ ต่อไป คือ นำความรัก การช่วยเหลือ การเอื้ออาธร ความเห็นอกเห็นใจไปให้กับคนที่เราพบ บรรเทาทุกข์ให้แก่กันและกัน
3) “ปีพระวาจา” ปีนี้พระศาสนจักรส่งเสริมการอ่านพระคัมภีร์ การไตร่ตรองและการนำพระวาจามาใช้ในชีวิตประจำวัน จึงขอเชิญชวนให้เราศึกษาหรืออ่านพระคัมภีร์ให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เราจำเป็นต้องอ่าน ฟัง ไตร่ตรอง จดจำ นำไปใช้ในชีวิต อย่าลืมว่าพระเยซูเจ้าประทับอยู่ทั้งในศีลมหาสนิทและพระคัมภีร์อย่างเท่าเทียมกัน ( Dei Verbum 21) “ใครไม่รู้จักพระคัมภีร์ก็ไม่รู้จักพระเจ้า” เช่นเดียวกัน “ใครไม่รับศีลมหาสนิทก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทกับพระเจ้า”