"จงชื่นชมยินดี"
ข่าวดีสัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (B)
วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2020
ก.ความสำคัญ
1. สัปดาห์ที่สามในเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ นี้เรียกว่า “วันอาทิตย์แห่งความยินดี” เพราะมิสซาฯในภาษาลาตินเริ่มต้นพิธีด้วยคำว่า “Gaudete in Domino semper” หรือ “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดเวลา” เพื่อเตือนจิตใจเราว่า เรากำลังเตรียมใจด้วยความยินดีในโอกาสวันเกิดของพระเยซู เราจึงจุดเทียนสีชมพู และพระสงฆ์สวมอาภรณ์สีชมพูหรือสีกุหลาบเป็นเครื่องหมายเพื่อแสดงความยินดี
2. ส่วนสาระสำคัญของพระวาจาในวันอาทิตย์นี้คือ ความชื่นชมยินดีและกำลังใจ บทอ่านเตือนเราให้เปิดหัวใจให้พระเยซูเข้ามาบังเกิดในหัวใจและในชีวิตของงเรา การเสด็จมาของพระเยซูทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเป็นเหตุผลที่ทำให้เราคริสตชนมีความยินดี
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (อสย. 61:1-2a, 10-11) ประกาศกอิสยาห์ให้กำลังใจชาวอิสราเอลที่อพยพกลับมาจากรุงบาบิโลนให้มีความชื่นชมยินดีเพราะพระเจ้า พระยาเวห์ ทรงเป็นผู้นำ ผู้คุ้มครองปกปักรักษา ผู้สอดส่องดูแลที่เข้มแข็ง ของพวกเขา
2. บทสดุดี (ลก. 1:46..) เป็นความยินดีของพระแม่มารีย์ที่ได้รับพระพรจากพระเจ้าจนทำให้พระแม่ได้ร้องออกมาว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า”
3. บทอ่านที่สอง ( 1ธส. 5:16-24) นักบุญเปาโลแนะนำให้ชาวเธสะโลนิกา “จงร่าเริงอยู่เสมอ” อย่าท้อแท้หรือบ่นว่า แต่ให้ดำเนินชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้มีที่ติ ภายใต้การทรงนำของพระจิต เพราะพระคริสตเจ้าการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว และพระองค์ทรงยึดมั่นในพระสัญญาที่จะประทานรางวัลให้พวกเขา
4. พระวรสาร (ยน 1:6-8, 19-28) ในวันนี้บอกเราว่าท่านยอห์นผู้ทำพิธีล้างมาเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าว่าพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก ยอห์นต้องการให้ชาวยิวมีความชื่นชมยินดีเพราะการรอคอยพระมหาไถ่ ผู้ที่จะเป็นแสงสว่างส่องโลกที่ยาวนานของพวกเขานั้นใกล้มาถึงแล้ว แสงสว่างนี้จะช่วยขับไล่ความมืดมนแห่งบาปกรรมของโลกนี้ให้หมดสิ้นไป
ค.ปฏิบัติ
1. “เป็นแสงสว่างส่องโลก” เราทุกคนจำเป็นต้องมีชีวิตที่เป็นพยานถึงพระเยซูผู้ทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก หน้าที่ของเราในฐานะที่เป็นพี่น้องชายหญิงของพระเยซูเจ้าและสมาชิกของพระศาสนจักร คือ การมีชีวิตที่สะท้อนแสงสว่างของพระคริสตเจ้า เหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นพระเยซูในตัวเรา หรือดวงจันทร์ที่สะท้อนแสงของดวงอาทิตย์ เราต้องฉายแสงแห่งความรักและการยกโทษให้ผู้อื่นอย่างไม่มีเงื่อนไข หลายคนที่มีความยากลำบากในชีวิต เราจะต้องเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาเหมือนพระเยซูที่ทรงปฏิบัติในสมัยของพระองค์ ด้วยการทำกิจเมตตา
2. “ช่วยให้คนตาสว่างขึ้น” หลายคนยังมีชีวิตที่หลงผิดหรือไม่รู้ความจริงเหมือนคนตาบอดหรือหูหนวก ให้เราได้ช่วยกันประกาศข่าวดี หรือให้คำแนะนำแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ด้วยการอ่าน รำพึง ไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้า และด้วยการสวดภาวนาวอนของพระจิตเจ้าช่วยนำทางชีวิตของพวกเขา ซึ่งเป็นการทำกิจเมตตาฝ่ายจิต
3. “กลับใจและใช้โทษบาป” ให้เราทบทวนตนเอง และปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เรามีอะไรที่ยังขาดตกบกพร่องขอให้เราได้ปรับเปลี่ยน หาข้อตั้งใจเพื่อให้ชีวิตของเราดีขึ้น ศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ซึ่งจะทำให้ชีวิตของเรามีความชื่นชมยินดีมากขึ้น
