"กล้าหาญเหมือนประกาศก"
ข่าวดีสัปดาห์ที่ 20 เทศกาลธรรมดา (ปี C)
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2022
ก.ความสำคัญ
หัวใจของบทอ่านในวันนี้คือเราควรดำเนินชีวิตในความเชื่อด้วยความกล้าหาญและเพียรทนเหมือนกับเยเรมีย์ นักบุญเปาโล และพระเยซูเจ้า แม้ว่าการกระทำนั้นอาจจะมีผลทำให้เราต้องถูกเบียดเบียนข่มเหงหรือถูกสังคมรังเกียจ
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (เยเรมีย์. 38:4-6, 8-10) ประกาศกเยเรมีย์ได้แสดงความกล้าหาญด้วยการกล่าวอย่างมั่นใจในฐานะประกาศกว่าเขาต้องยอมแพ้ต่ออำนาจของจักรพรรดิแห่งกรุงบาบิโลนเพื่อจะได้ช่วยชาวอิสราเอลให้รอด คำพูดเช่นนี้ทำให้บรรดาเจ้านายไปฟ้องร้องต่อกษัตริย์ว่าคำพูดเช่นนี้ทำให้คนหมดกำลังใจ ทำให้บ้านเมืองแตกแยก และแสวงหาความปลอดภัยของตนเอง ผลก็คือกษัตริย์ยินยอมให้ทหารจับตัวเขาโยนลงไปในบ่อน้ำที่แห้งแล้งหวังให้อดตายในนั้น
2. บทอ่านที่สอง (ฮีบรู. 12:1-4) นักบุญเปาโลท้าทายคริสตชนให้ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อที่มีต่อพระเยซู อย่าใส่ใจกับคำพูดหรือปฏิกิริยาของชาวยิวเดิม ๆ ที่ขัดแย้งหรือต่อต้านกับความเชื่อที่พวกเขายึดมั่น
3. พระวรสาร (ลูกา 12:49-53) พระเยซูเจ้าเองได้เทศนาด้วยถ้อยคำขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่บอกถึงความแตกแยกในครอบครัว ถ้อยคำที่พระองค์ทรงรู้ว่าจะนำความตายมาให้พระองค์เอง ไฟที่พระเยซูทรงนำมาให้นั้น คือ ไฟแห่งความรักและไฟแห่งความหวัง การแตกแยก การเข้าแทรกแซง และการปฏิรูปที่พระเยซูและสานุศิษย์นำมาให้นั้นมาจากไฟแห่งความรักที่อุทิศตนและไฟแห่งความยุติธรรมที่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งขึ้นใหม่สำหรับชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เป็นไปที่ชำระจิตใจคนให้สะอาดเป็นคนใหม่เพื่อจะได้เป็นบุคคลในอุดมคติตามคำสอนของพระเยซูเจ้า เพื่อสร้างความสันติสุขที่แท้จริงให้กับสังคม แม้ว่าคำพูดนี้จะเป็นเหมือนดาบที่ทำให้เกิดการแตกแยก แยกส่งที่ไม่ดีออกไปให้เหลือแต่สิ่งที่ดี การแบ่งแยกเช่นนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น มิใช่แบ่งแยกเพราะความเกลียดแต่แบ่งแยกเพราะความรัก ซึ่งทำให้ผู้ฟังต้องตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือก
ค. ปฏิบัติ
1. “เรียนรู้ที่จะยอมรับและรับฟังกันและกัน” พระเจ้ายังคงส่งประกาศกลงมาทำงานในทุกวัด โดยศีลล้างบาป เราทุกคนต่างเป็นเหมือนประการศกเยเรมีย์ หรือนักบุญเปาโลที่พระเจ้าทรงมา จึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคน รวมถึงบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ สภาภิบาล ที่จะรับฟังกันและกันด้วยความตั้งใจ ฟังคำแนะนำ คำวิพากษ์วิจารณ์ ของบุคคลต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในงานอภิบาลของวัดและสังฆมณฑล
2. “มีไฟในหัวใจ” เราควรมีไฟในหัวใจของเรา ในวันที่เรารับศีลล้างบาป เราได้รับเทียน ซึ่งเป็นแสวงสว่างของพระคริสต์ และเราได้รับคำสอนให้รักษาไฟนี้ให้ลุกอยู่เสมอ จนกว่าจะกลับไปหาพระคริสต์อีกครั้งหนึ่ง และเรายังได้รับพระจิตเจ้าเข้ามาประทับในหัวใจของเราโดยผ่านทางศีลกำลัง ดังนั้นเราจะนั่งนิ่ง ๆ โดยไม่ลงมือกระทำอะไรได้หรือ ขอให้เราออกไปช่วยเหลือ ให้พร นำความสุข ความยินดี ไปมอบให้ผู้อื่นต่อไป