"ความเชื่อเล็กแต่ลึก"
ข่าวดีสัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา (C)
วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2022
ก. ความสำคัญ
1.บทอ่านทั้งสามในวันนี้เน้นเรื่อง “ความเชื่อ” และแสดงให้เห็นว่าความเชื่อนั้นมีความสำคัญในชีวิตของเรา น.โทมัสอไควนัส กล่าวไว้ว่า “คนที่มีความเชื่อ คำอธิบายก็ไม่จำเป็น ส่วนคนที่ไม่เชื่อ คำอธิบายใด ๆ ก็เป็นไปไม่ได้” (คนไม่เชื่อพูดอย่างไรก็ไม่เชื่อ) บทอ่านในวันนี้ให้ความหมายของความเชื่อในสามมิติด้วยกัน หนึ่ง ความเชื่อในฐานะที่เป็นคุณธรรมทางเทววิทยาที่โน้มน้าวเราให้เชื่อในเรื่องที่เป็นความจริง (True) และเชื่อได้อย่างซื่อ ๆ เพราะเรื่องนั้นได้รับการเผยแสดงจากพระเจ้า สอง น.เปาโลสอนทิโมธีว่า ความเชื่อทำงานในชีวิตของเราโดยทำให้เราเข้มแข็ง มีความรักและควบคุมตนเองได้ สามารถเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือเป็นผู้ประกาศข่าวดีแก่ผู้อื่นได้ และ สาม ความเชื่อของคริสตชนคือความไว้วางใจในพระเจ้าและแสดงออกโดยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี และอุทิศตนรับใช้พระเจ้าด้วยความรักและความสุภาพ
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1.บทอ่านที่หนึ่ง (ฮบก. 1:2-3 และ 2:2-4) นำเสนอความเชื่อคือความไว้วางใจในพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาที่พระองค์ทรงมอบให้ ความเชื่อแสดงออกในรูปแบบของความหวังและการรอคอยด้วยความอดทนต่อความทุกข์ยาก การข่มเหง ความรุนแรง
2.บทอ่านที่สอง (2ทธ. 1:6-8,13-14) น.เปาโลนำเสนอความเชื่อหมายถึงการยอมรับว่าพระเยซูเจ้าคือความสำเร็จของคำสัญญาของพระเจ้า น.เปาโลยืนยันถึงความจำเป็นของการดำเนินชีวิตในความเชื่อ ความจงรักภักดีต่อคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่สืบเนื่องมายังพระศาสนจักร
3.พระวรสาร (ลก. 17:5-10) พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาอัครสาวกว่าความเชื่อเป็นการมีส่วนร่วมกับพลังอำนาจของพระเจ้าแม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ แต่ก็เพียงพอที่จะให้พระเจ้าได้ทรงทำอัศจรรย์ในชีวิตของเราได้และคนอื่น ๆ ได้ ความเชื่อทำให้เรามั่นใจในความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ในขณะที่บรรดาอัครสาวกวอนขอให้เพิ่มพูนความเชื่อ แต่พระเยซูเจ้าทรงเตือนให้เห็นความสำคัญของความเชื่อในด้านคุณภาพมากกว่าปริมาณ ความเชื่อที่ลึกซึ้งเพียงเล็ก ๆ ก็สามารถทำสิ่งที่ใหญ่โตได้เรื่องเปรียบเทียบเรื่องนายกับผู้รับใช้ พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่าความเชื่อจะต้องมีประสิทธิภาพ ความเชื่อจะต้องเชื่อมโยงกับความไว้วางใจ ความนบนอบและการอุทิศตนที่จะปฏิบัติตนตามพระบัญญัติของพระองค์ด้วยความเต็มใจ
ค.ปฏิบัติ
1. "ภาวนาเสมอ ๆ" เราต้องขอบคุณพระเจ้าเสมอทั้งในยากสุขและยามทุกข์ ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะลืมพระเจ้าเมื่อเรามีความสุขหรือทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี แต่เมื่อมีความทุกข์ เราจะร้องหาพระเจ้าในความดีที่หาที่สุดไม่ได้ของพระองค์นั้น พระองค์ทรงสดับฟังคำภาวนาของเราเสมอ ความเชื่อที่เข้มแข็งจะช่วยทำให้เรายอมรับความทุกข์ยากและการทดลองต่าง ๆ ในชีวิตของเรา ดังนั้นเราจึงควรภาวนาเสมอ ๆ ว่า “โปรดเพิ่มพูนความเชื่อของพวกเราด้วยเถิด”
2. "ความเชื่อต้องมีการกระทำ" เราต้องเพิ่มพูนความเชื่อของเราโดยการทำหน้าที่คนใช้ที่ดีของพระเจ้า ความเชื่อของเราจะเติบโตโดยการปฏิบัติตามความเชื่อคริสตชนที่มีความเชื่อแท้จริงนั้นจะมีวิธีการมากมายเพื่อจะทำให้คนอื่น ๆ ได้รู้จักพระเยซูเจ้า คำพูดที่เงียบ ๆ แต่มีอานุภาพมากได้แก่การแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตน การกระทำดีเหล่านี้มีคุกณค่ามากกว่าคำเทศน์ที่สวยหรูหรือเต็มไปด้วยเทววิทยา
3. "เพิ่มพูนความเชื่อ" เราต้องเติบโตในความเชื่อโดยการใช้เครื่องมือที่พระเยซูทรงมอบให้กับพระศาสนจักร เราเพาะบ่มความเชื่อด้วยการสวดภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ การร่วมพิธีมิสซา