"ฉลองพระเมตตา"
ข่าวดีสัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา (B)
วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2024
ก.ความสำคัญ
1. วันอาทิตย์นี้เป็นวันฉลองพระเมตตาของพระเจ้า ซึ่งทำให้เราเกิดความหวัง ความไว้วางใจ ความเชื่อ เป็นต้นจากการให้อภัยบาปเราด้วยศีลอภัยบาป
2. ความเมตตาของพระเจ้าที่เราได้รับจะต้องทำให้เราเกิดความเมตตาต่อผู้อื่นในการดำเนินชีวิตประจำวันต่อไป
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (กจ. 4:32-35) นำเสนอแบบอย่างชีวิตของคริสตชนรุ่นแรกที่อยู่ด้วยกันด้วยความรักและเมตตาเป็นพยานยืนยันถึงความเชื่อในเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า.
2. บทอ่านที่สอง (1ยน. 5:1-6) นักบุญยอห์นเตือนเราว่าคนที่บอกว่ารักพระเจ้าจริงจะต้องปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ คือ ต้องรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจและรักเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ต้องปฏิบัติกิจเมตตาทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตเหมือนที่พระเจ้าทรงกระทำ
3. พระวรสาร (ยน. 20:19-31) นักบุญยอห์นเตือนเราว่าพระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลอภัยบาป ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตาให้เรา พระเยซูผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ทรงมอบอำนาจการให้อภัยบาปแก่บรรดาอัครสาวกให้เป็นผู้สืบทอดต่อจากพระองค์ด้วยคำพูดที่ว่า “ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย” (ยน. 20:19-23) ในบทนี้ยังได้เล่าเรื่องของ น.โทมัสที่ได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวกผู้สงสัย ท่านเองหลังจากได้พบพระเยซูเจ้าเป็นการส่วนตัว จึงได้สารภาพว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็น “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าและพระเจ้าของข้าพเจ้า” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าเมตตาสานุศิษย์ที่ขี้สงสัยและเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเชื่อ
ค.ปฏิบัติ
1. “ให้เรามีเมตตาต่อผู้อื่น” วิธีหนึ่งที่พระศาสนจักรฉลองพระเมตตาของพระเจ้าตลอดทั้งปีก็คือ การเข้ารับศีลอภัยบาป และการทำกิจเมตตาทั้งฝ่ายร่างกายและจิตใจในชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่จะรับการพิพากษาครั้งสุดท้ายในชีวิตของเรา
2. “ให้เราภาวนาวอนขอความเชื่อ” เพื่อที่จะทำให้เรามอบกายถวายชีวิตแด่พระเจ้าเพื่อให้พระองค์ทรงนำเราให้ออกไปรับใช้ช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องที่เราได้พบด้วยความรัก การดำเนินชีวิตในความเชื่อโน้มนำเราให้มองเห็นพระเยซูผู้ทรงกลับคืนชีพในตัวของเพื่อน ๆ ทุกคนและให้เราเต็มใจที่จะให้บริการผู้อื่นด้วยความรัก ปิตาจารย์ฝ่ายจิตได้ให้คำแนะนำเพื่อการเจริญชีวิตและมีความเชื่อเช่นเดียวกับ น.โทมัส อัครสาวกดังนี้
(1) ลำดับแรก เราต้องรู้จักพระเยซูเจ้าเป็นการส่วนตัว และเลียนแบบการดำเนินชีวิตของพระองค์ในชีวิตประจำวันโดยการอ่านและไตร่ตรองพระคัมภีร์
(2) จากนั้นให้เราบำรุงความเชื่อของเราให้เข้มแข็งโดยการภาวนาทั้งส่วนตัวและส่วนรวม
(3) เราต้องเข้ามีส่วนร่วมในชีวิตของพระเยซูเจ้าด้วยการรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทบ่อย ๆ น.เทเรซาแห่งกัลกัตตาสอนเราว่า “ถ้าเราภาวนาเราจะมีความเชื่อ ถ้าเราเชื่อ เราจะมีความรัก ถ้าเรารัก เราจะรับใช้ช่วยเหลือ” เพื่อจะเป็นเช่นนี้ได้ เราต้องนำความรักไปสู่การปฏิบัติจริงในชีวิต
3. “ประกาศข่าวดี” ให้เราได้ประกาศข่าวดีหรือเผยแพร่ธรรมด้วยการดำเนินชีวิตที่ดีมีเมตตาตามที่ได้กล่าวมาแล้ว