พระคัมภีร์และคำสอน
3. บทอ่านที่หนึ่ง (ลนต 13:1-2,44-46) เราทราบถึงทัศนคติของชาวยิวโบราณที่มีต่อบรรดาคนโรคเรื้อนที่ถือว่าเป็นคนที่มีมลทินหรือไม่บริสุทธิ์ทางร่างกาย และมีการออกกฎเกณฑ์เพื่อแบ่งแยกพวกเขาออกจากคนปรกติ นี่เป็นภูมิหลังที่พระเยซูเจ้าทรงบำบัดรักษาคนโรคเรื้อนในพระวรสาร
4. เพลงสดุดี (สดด 32) กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะสารภาพความผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ทรงอภัยบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำ” พระเจ้าทรงสอนเราให้เป็น “คนศักดิ์สิทธิ์” โดยการสารภาพบาปและคืนดีกับพระเจ้าในแต่ละวัน ซึ่งจะนำความสุขและความชื่นชมยินดีมาให้
5. บทอ่านที่สอง (1คร10:31-11:1) นักบุญเปาโลสอนเราให้เป็นคนศักดิ์สิทธิ์โดย “จะทำอะไรก็ตามขอให้กระทำเพื่อถวายพระเกียรติพระเจ้า” และโดย “การเอาใส่ใจ” ต่อความเป็นอยู่ของผู้อื่นที่แตกต่างไปจากตนเอง ทำให้พวกเขามีความรู้สึกที่ดีและได้รับประโยชน์มากกว่าแค่ความสงสารหรือวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา
6. พระวรสาร (มก 1:40-45) พระเยซูเจ้าทรงบำบัดชายคนหนึ่งให้หายทั้งจากโรคเรื้อน (โรคฝ่ายกาย) และจากการดูถูกเหยียดหยาม ความอยุติธรรม (โรคร้ายฝ่ายจิตใจ) ที่เขาได้รับจากสังคม
ข้อปฎิบัติ
7. เราต้องไว้วางใจในพระเมตตาของพระเจ้าที่จะทรงให้อภัยบาปและชำระล้างเราให้สะอาดจากโรคเรื้อนฝ่ายจิตใจของเราซึ่งก็คือบาปต่างๆที่เราได้กระทำ เงื่อนไขสำคัญก็คือพระเจ้าทรงรอคอยและเพียรทนต่อความบาปผิดของเราด้วยความรัก เมื่อไรก็ตามที่เราสำนึกตน เป็นทุกข์เสียใจ ร้องขอความเมตตา สารภาพความผิดและทำการใช้โทษบาปด้วยความจริงใจ
8. เราต้องทำลายกำแพงที่แบ่งแยกเรากับเพื่อนพี่น้อง และสร้างสะพานแห่งความสัมพันธ์รักต่อกัน พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เราต้อนรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนที่สังคมรังเกียจ คนชายขอบ คนอพยพย้ายถิ่น คนไร้สัญชาติ คนเสียสติ ฯลฯ เราต้องเป็นพระหัตถ์ของพระเจ้าที่นำความเมตตาไปมอบให้ทุกคน
9. ให้เราตรวจสอบตนเองว่าเราเป็นคนที่ชอบสร้างกำแพงเพื่อแบ่งแยก กีดกัน หรือชอบสร้างสะพานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้แก่กันและกัน