ข. พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (ยรม31:7-9) : บอกเราว่าพระเจ้าทรงให้อภัยและเห็นอกเห็นใจลูก ๆ ชาวอิสราเองโดยทรงนำคนตาบอด คนพิการ หญิงมีครรภ์ ให้พ้นจากการเป็นทาสและนำพวกเขากลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้งหนึ่งซึ่งเรื่องนี้จะถูกกล่าวถึงในพระวรสารเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาบารทิเมอัสคนตาบอด
2. บทอ่านที่สอง (ฮบ5:1-6) :นำเสนอภาพของพระเยซูเจ้าในฐานะเครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบและในฐานะที่เป็นสงฆ์สูงสุดของพันธสัญญาใหม่ ซึ่งทำให้เรามั่นใจได้ว่าพระเยซูเจ้าในฐานะสงฆ์สูงสุดทรงเป็นพระเจ้าที่มีความเห็นอกเห็นใจเรามนุษย์เพราะพระองค์ทรงมีส่วนร่วมในธรรมชาติมนุษย์ของเรา
3. พระวรสาร (มก 10:46-52) : พระวรสารวันนี้ได้แสดงให้พระเมตตาและความเห็นอกเห็นใจของพระเยซูเจ้าที่ทรงรักษาบารทิเมอัสชายตาบอด พระเยซูเจ้าทรงเอาใจใส่ขอทานตาบอดที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ในขณะที่คนอื่น ๆ พยายามห้ามเขา เสียงร้องของเขาแสดงออกถึงความไว้วางใจและความเชื่อศรัทธา “ข้าแต่พระเยซูโอรสของกษัตริย์เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” เมื่อพระเยซูทรงตอบรับเขา เขาได้สลัดเสื้อคลุม และกระโดดเข้ามาเฝ้าพระองค์ การได้พบกับพระเยซูทำให้บารทิเมอัสได้รับพระพรทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ และเขาได้กลับมาเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า
ค. ปฏิบัติ
1. “ตาบอดฝ่ายจิต” เราแต่ละคนอาจจะทนทุกข์จากความตาบอดฝ่ายจิต ดังนั้น เราต้องการแสงสว่างของพระจิตเจ้า เพื่อทำให้เราได้มองเห็นอีกครั้งหนึ่ง เราอาจจะมีความโกรธแค้น ความเกลียดชัง อดติ อิจฉา นิสัยไม่ดี ฯลฯ ซึ่งทำให้เรามองความดีงามของคนอื่นไม่เห็น มองไม่เห็นพระเจ้าในตัวของผู้อื่น ให้เราเรียนรู้ที่จะคิดถึงและมองเห็นความดีของผู้อื่น โดยเว้นจากการวิพากษ์วิจารณ์ การตัดสินโดยเบาความ เราตาบอดโดยความโลภเมื่อเราไม่เคยพอใจในสิ่งที่เรามี เรายอมเป็นหนี้เพื่อซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็น ให้เราภาวนาเพื่อเราจะได้มีความคิดที่ถูกต้องในการจัดลำดับความสำคัญตามคุณค่าคริสตชน
2. “ร้องขอพระเจ้า”ให้เราทำเหมือนบารทิเมอัส เมื่อมีความต้องการ ให้เราร้องหาพระองค์ด้วยความเชื่อและความไว้วางใจ บางครั้งบาปความโกรธ ความกลัว และการยึดติดในบาปทำให้เราอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า จึงขอให้เราได้เข้าหาพระองค์ด้วยการภาวนา