บทเทศน์วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
ต้องใหม่เสมอ
( 19 พฤษภาคม )
ก. ความสำคัญ
1. วันนี้บทอ่านในวันนี้เน้น “การฟื้นฟูขึ้นใหม่” มีคำสำคัญๆ เช่น เยรูซาเล็มใหม่ สวรรค์ใหม่ โลกใหม่ และบัญญัติใหม่ ซึ่งหมายถึงนำสิ่งที่เราเป็นหรือมีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ “ใหม่” ขึ้น “ดี” ขึ้น “สมบูรณ์แบบ” มากขึ้น
ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1.บทอ่านที่หนึ่ง (กจ14:21-27) กิจการอัครสาวกเล่าให้ฟังว่ากลุ่มคริสตชนย่อยๆ แต่ละกลุ่มได้ช่วยเหลือสมาชิกของตนในการฟื้นฟูความเชื่อและในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความรักแบบ “อากาเป” (agape) ซึ่งหมายถึงความรักที่จริงใจต่อกันแบบพี่น้อง เป็นรักที่ไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งพวกเขาได้เลียนแบบความรักที่ น.เปาโลและ น.บารนาบัสได้มอบให้พวกเขา
2.บทอ่านที่สอง (วว 21:1-5ก) หนังสือวิวรณ์ได้อธิบายให้เราทราบว่าพระเจ้าทรงฟื้นฟูพระศาสนจักรของพระองค์ซึ่งเป็นกรุงเยรูซาเล็มใหม่โดยประทับอยู่ในตัวสมาชิก ในชุมชน ในวัด และในการฉลองพิธีกรรมต่างๆ “นี้คือการพำนักของพระเจ้าในหมู่มนุษย์” และ “ดูซิ เราทำทุกสิ่งขึ้นใหม่”
3.พระวรสาร (ยน 13:31-35) วันนี้ข่าวดีของพระเจ้าได้เปิดเผยความลับเรื่องการฟื้นฟูชีวิตคริสตชนด้วยการให้คริสตชนปฏิบัติตามพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า คือ “ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:35) พระเยซูทรงเพิ่มเงื่อนไขใหม่จากพระบัญญัติในพันธสัญญาเดิมโดยทรงสอนเราให้พิสูจน์ความรักแท้ในการเป็นศิษย์ของพระองค์ด้วยการแสดงความรักต่อผู้อื่นให้เหมือนกับที่พระองค์ทรงกระทำ คือ การอุทิศตน ไม่มีเงื่อนไข รักแบบอากาเป ดังนั้นการฟื้นฟูชีวิตคริสตชนจึงหมายถึง การเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากถึงโคน เป็นการจัดลำดับความสำคัญของชีวิตขึ้นใหม่ การฟื้นฟูเช่นนี้จะทำให้เรามีทัศนคติใหม่ต่อชีวิต มีค่านิยมใหม่ มีมาตรฐานใหม่ในความสัมพันธ์กับพระเจ้าและกับเพื่อนพี่น้อง และกับสภาพแวดล้อมทั้งหมด
ค. ปฏิบัติ
1. “รักตัวเองให้เป็น” ให้เราเริ่มจากการเรียนรู้ที่จะรักตนเองให้เป็นก่อนที่จะรักผู้อื่น บัญญัติเดิมสอนให้เรา “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (ลนต 19:1-2, 9-18) เราไม่สามารถรักและชื่นชมคนอื่นได้ถ้าหากเรายังไม่รู้สึกรักและชื่นชมตนเอง เราอยู่ท่ามกลางกระแสสังคมที่ไม่ค่อยให้ความเคารพต่อศักดิ์ศรีและคุณค่าของชีวิตผู้อื่น เราจะทำอย่างไรเพื่อให้เราได้กลับมาเคารพกัน สิ่งเดียวที่เราจะต้องกระทำให้ได้คือ การเปลี่ยนทัศนคติหรือความเชื่อของเรา โดยเรียนรู้ที่จะรักตนเอง สำนึกถึงความจริงที่ว่าเราทุกคนต่างเป็นบุตรของพระเจ้าและพระองค์ประทับอยู่ในตัวของเรา เราเป็น “วิหารของพระจิตเจ้า”
2. “รักผู้อื่นในชีวิตประจำวัน” พระเยซูทรงขอให้เรารักผู้อื่นเหมือนที่พระองค์ทรงรัก ในชีวิตประจำวันของเรา เราแสดงความรักผู้อื่นได้โดยการสนองตอบความต้องการของผู้อื่นด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจ โดยการให้กำลังใจและปกป้องผู้ที่มีความทุกข์หรือถูกเอารัดเอาเปรียบ เรารักผู้อื่นโดยการช่วยเหลือในสิ่งที่เราสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด โดยมองเห็นพระพักตร์ของพระเยซูในใบหน้าของผู้นั้น โดยการให้อภัยแทนการประณามหรือการสาปแช่ง ที่สุดเรารักผู้อื่นได้โดยการสละเวลา ความสามารถและพระพรที่เรามีให้ผู้อื่น
3. “แสดงความรักต่อวัดและสมาชิกวัดของเรา” ให้เราแสดงความรักของเราต่อวัด เมื่อเรามาร่วมฉลองพิธีกรรมเรามีโอกาสแสดงความรักต่อผู้อื่น โดยการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทาย แสดงความห่วงใย ช่วยเหลือกันและกัน ชื่นชมกันและกัน ให้กำลังใจกันและกัน และให้อภัยกันอย่างง่ายๆ เหมือนที่พระเจ้าทรงให้อภัยเรา และยินดีร่วมงานต่างๆ ที่วัดได้จัดขึ้น