ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (อสย. 55:1-3) ประกาศกอิสยาห์ได้ให้คำปลอบใจชาวยิวที่ต้องตกอยู่ในความยากลำบากของการอพยพหนีภัยอยู่ในกรุงบาบิโลน โดยยืนยันให้พวกเขามั่นใจว่าทุกคนจะได้กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน และสัญญาว่าพระเจ้าเท่านั้นที่จะจัดการทุกอย่างเพื่อสนองตอบความต้องการทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเขา พระองค์ทรงให้อภัยบาปผิดและจะให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ในเมืองสวรรค์
2. บทอ่านที่สอง (รม. 8:35,37-39) นักบุญเปาโลยืนยันว่าไม่มีอะไรที่จะพรากเราจากความรักของเรากับพระเจ้าได้ ความรักที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการส่งพระเยซูลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์
3. พระวรสาร (มธ. 14:13-21) พระเยซูเจ้าแสดงความห่วงใยต่อเรามนุษย์โดยทรงเลี้ยงดูชีวิตฝ่ายจิตของเราด้วยการเทศนาสั่งสอน และประทานอาหารฝ่ายกายโดยอัศจรรย์ทวีขนมปังและปลาเลี้ยงดูคนจำนวนมาก ซึ่งต่อมาเป็นพระเยซูเจ้าได้ใช้ขนมปังเพื่อเป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์เองในนามศีลมหาสนิทเพื่อเป็นอาหารหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเรามนุษย์ อัศจรรย์การทวีขนมปังจึงเป็นรูปแบบล่วงหน้าของศีลมหาสนิทในปัจจุบันนี้
ค.ปฏิบัติ
1. “หล่อเลี้ยงวิญญาณของเรา” ด้วยการสดับฟังพระวาจาของพระเจ้าและการรับศีลมหาสนิท
หนึ่ง เราควรจัดเวลาเพื่ออ่านพระคัมภีร์ประจำวัน ใช้เวลาเงียบ ๆ เพื่อรำพึงไตร่ตรองและหาข้อปฏิบัติประจำวันจากการอ่านนั้น หรืออ่านพระคัมภีร์ประจำวันพร้อม ๆ กันในครอบครัว
สอง เมื่อมามิสซาฯ ให้เตรียมจิตใจเพื่อรับศีลมหาสนิทอย่างดี และพาครอบครัวมาเฝ้าศีลมหาสนิทเมื่อไม่มีพิธีมิสซาหรือในการจาริกแสวงบุญ
2. “ปฏิบัติตนเหมือนพระเยซูเจ้า” ให้เราเลียนแบบ 4 ขั้นตอนการทำอัศจรรย์เรื่องทวีขนมปังของพระเยซูเจ้า ได้แก่ 1) น้อมรับสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ด้วยความสุภาพ 2) ขอบพระคุณพระเจ้า 3) บิแผ่นปังออกคือ บิตัวเองจากความต้องการและความเห็นแก่ตัวเพื่อเห็นแก่ผู้อื่น 4) นำพระพรที่ตนมีออกไปแจกจ่ายแก่ผู้อื่นด้วยความยินดี
3. “ประกาศข่าวดี” นำข่าวดีเรื่องความรักพระเจ้าไปบอกเล่าให้ผู้อื่น ใจดีกับผู้อื่น พระเจ้าให้เราเปล่า ๆ เราก็ต้องให้ผู้อื่นเปล่า ๆ เหมือนกัน พระเจ้าใจดีกับเราเพื่อให้เราใจดีกับผู้อื่นต่อไป