ข.พระคัมภีร์และคำสอน
1. บทอ่านที่หนึ่ง (อพย 3:1-8ก, 13-15) บทอ่านนี้บอกเราว่าพระเจ้าแสดงความเมตตาต่อประชากรที่ทรงเลือกสรรของพระองค์โดยทรงเลือกสรรโมเสสให้เป็นผู้นำและผู้ปลดปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระจากการเป็นทาสของชาวอียิปต์ พระองค์ทรงเผยแสดงพระองค์เองให้โมเสสได้รู้จัก ทรงบอกให้โมเสสรู้ว่าพระองค์ทรงได้รู้ได้เห็นถึงความทุกข์ทรมานของชาวอิสราเอลและมอบหมายให้โมเสสได้ช่วยนำพวกเขาออกจากแผ่นดินนั้นไปสู่แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ที่มีแต่น้ำนมและน้ำผึ้ง
2. บทสดุดี (สดด103) เตือนเราถึงพระเมตตาของพระเจ้าที่ไม่สิ้นสุด
3. บทอ่านที่สอง (1คร 10:1-6,10-12) เตือนเราว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาของเรายังคงเป็นพระเจ้าที่เคร่งครัด น.เปาโลเตือนคริสตชนชาวโครินธ์ว่าพวกเขาจะต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เลวร้ายของชาวอิสราเอลที่โดนลงโทษเพราะบาปของพวกเขา แม้พระเจ้าจะทรงเมตตาแต่ก็ยังทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ดังนั้นพวกเขาจะต้องระมัดระวังตนให้พ้นจากความชั่วร้ายทุกชนิด
4. พระวรสาร (ลก 13:1-9) อธิบายให้เรารู้ว่าพระองค์ทรงเคร่งครัดต่อประชากรของพระองค์อย่างไร พระองค์ทรงเตือนเราให้กลับใจใช้โทษบาป ฟื้นฟูชีวิต และให้ชีวิตบังเกิดผลเหมือนต้นมะเดื่อเทศที่บังเกิดผล มิเช่นนั้นตัวเราก็จะถูกลงโทษเหมือนต้นมะเดื่อที่จะต้องโดนโค่นทิ้ง
ค. ปฏิบัติ
1. “ดำเนินชีวิตด้วยความสำนึกผิดเสมอ” เพราะ (ก) เราไม่รู้ว่าเมื่อไรเราจะต้องพบกับความตาย เราจึงต้องหันหน้าเข้าหาพระเจ้าอยู่เสมอ สำนึกในความผิดและความล้มเหลวของเราเพื่อจะได้รับพระเมตตา การให้อภัยและชีวิตนิรันดร ไม่มีอะไรดีเท่ากับการไปรับศีลอภัยบาปในระหว่างเทศกาลมหาพรตนี้ (ข) การใช้โทษบาปช่วยเราให้ดำเนินชีวิตด้วยความสุภาพและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความตาย
2. “เป็นต้นไม้ที่บังเกิดผล” มหาพรตคือช่วงเวลาแห่งการรดน้ำพรวนดินต้นไม้แห่งชีวิตของเรา เพื่อให้ชีวิตของเราเกิดดอกออกผล คือช่วงเวลาแห่งการใช้โทษบาป การคืนดีต่อกันและกัน การให้อภัย และการรับรู้ต่อความรู้สึกของผู้อื่น
3. “ใช้เวลาให้ดีที่สุด” พระเจ้าให้โอกาสเรามีชีวิตอยู่ พระองค์ทรงให้อภัยเราเพื่อเราจะได้ให้อภัยแก่คนอื่น พระให้โอกาสเราก็เพื่อเราจะได้ให้โอกาสคนอื่นด้วย