ข.พระคัมภีร์และคำสอน
การรับพิธีล้างมีความสำคัญต่อชีวิตของพระเยซูเจ้าไปนี้
1.การเข้ารับพิธีล้างจากนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้างเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเยซู “ทรงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเราทุกคนที่เป็นคนบาป” แม้พระองค์ไม่ทางมีบาปหรือความผิดแต่ประการใด แต่ทรงสุภาพถ่อมตนยอมเป็นคนหนึ่งที่เดินเข้าไปขอรับพิธีล้าง ทั้งนี้เพื่อจะได้ดึงพวกเราทุกคนให้รอดพ้นจากบาปได้
2.เป็นเวลาที่แสดงให้เห็น “เอกลักษณ์และพันธกิจ” ของพระองค์ เอกลักษณ์คือพระองค์ทรงพระบุตรของพระเจ้า และพันธกิจของพระองค์ก็คือการเทศนาสั่งสอนข่าวดีเรื่องความรักและการไถ่บาปให้มนุษย์ทุกคน โดยการชดเชยโทษความผิดบาปของเราด้วยความทุกข์ทรมาน เป็นดั่ง “ผู้รับใช้ที่ทนทุกข์” (suffering servant)
3. เป็นเวลาของพระผู้ช่วยเหลือ คือ “พระจิตเจ้า” ที่เสด็จมาในรูปคล้ายนกพิราบ เพื่อให้พลังในการเทศน์สอนและการเยียวยาบำบัดความเจ็บไข้ได้ป่วยของประชาชน
4. เป็นเวลาแห่งการตัดสินใจที่จะ “เริ่มต้นพันธกิจสาธารณะ” หลังจากได้รับการรับรองจากพระบิดาที่เปล่งเสียงจากสวรรค์ว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
ค.ปฏิบัติ
1. การฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างเตือนเราให้ “คิดถึงเอกลักษณ์” ของตัวเรา เตือนเราว่าเราเป็นใครและเราเป็นคนของใคร โดยศีลล้างบาปเราได้กลับกลายมาเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นพี่เป็นน้องของพระเยซูเจ้า เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร เป็นทายาทที่จะได้รับมรดกเมืองสวรรค์ และเป็นวิหารของพระจิตเจ้า
2. การฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างยังเตือนให้เราคิดถึง “พันธกิจ” หรือหน้าที่ของเรา 1) สัมผัสประสบการณ์ของการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวของเรา สำนึกถึงศักดิ์ศรีของการเป็นบุตรของพระเจ้า ชื่นชมการประทับอยู่ของพระเจ้าในบุคคลอื่นๆ ด้วยความเคารพรัก ให้เกียรติ และช่วยเหลือทุกคนด้วยความสุภาพถ่อมตน 2) ดำเนินชีวิตในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้า ทั้งความคิด คำพูด และการกระทำ 3) มีชีวิตศักดิ์สิทธิ์และโปร่งใส เคารพในร่างกายของตนเองในฐานะที่เป็นวิหารของพระจิต ไม่ลดฐานะของตนลงด้วยการ ทำผิดต่อความบริสุทธิ์ ไม่ยุติธรรม ไม่เพียรทน อิจฉาหรือเกลียดชังผู้อื่น4)ยอมรับประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตว่าเป็นของขวัญจากพระบิดาเจ้าสวรรค์เพื่อให้เราเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์ 5)เติบดตในความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยการภาวนาทั้งส่วนตัวและพร้อมกับครอบครัว หาเวลาอ่านพระคัมภีร์ ไปร่วมมิสซาทั้งครอบครัว รับศีลอภัยบาปสม่ำเสมอ
3. เป็นเวลาเพื่อ “ขอบพระคุณพระเจ้า” สำหรับพระหรรษทานที่เราได้รับจากศีลล้างบาป พยายามฟื้นฟูคำสัญญาแห่งศีลล้างบาปเสมอๆ เทศน์สอนด้วยการดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่าง โปร่งใส รัก รับใช้ทุกคนที่มีโอกาส และให้อภัยคนที่ทำผิดต่อเราโดยง่าย