แต่ในอีกด้านหนึ่งของชีวิต พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์สอนเราว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าซิทรงเป็นใหญ่ ทรงเป็นศูนย์ของชีวิตของสรรพสิ่ง ทรงเป็นเจ้าเหนือหัวของมนุษย์ มนุษย์เรานั้นเป็นเพียงสิ่งสร้างหนึ่งของพระเจ้าเท่านั้น สิ่งที่มนุษย์จะพึงปฏิบัติต่อพระเจ้าผู้มีพระคุณใหญ่หลวงต่อชีวิตของตนได้ก็คือ พยายามเรียนรู้เรื่องของพระเจ้าให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้รักและปฏิบัติรับใช้พระองค์ได้อย่างเหมาะสม เพราะเรามนุษย์ทุกคนล้วนมาจากพระองค์และเมื่อจากโลกนี้ไปก็ต้องกลับไปหาพระองค์
มนุษย์เองสามารถรู้จักพระเจ้าได้หลายวิธีด้วยกัน ทั้งโดยอาศัยสติปัญญาของตนเอง อาศัยการไตร่ตรองความเป็นจริงของชีวิต การพิจารณาความน่าอัศจรรย์จากโลกจักรวาล และที่สำคัญจากการเผยแสดงของพระเจ้าเอง(คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก CCC ข้อ 31-33, 51)
วันอาทิตย์นี้ พระเจ้าได้ทรงเผยแสดงให้เราได้รู้จักพระองค์โดยผ่านทางประกาศกอิสยาห์ ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง และนักบุญนักบุญเปาโล
บทอ่านแรก อสย. 61:1-2.9-11 ประกาศกอิสยาห์ได้ประกาศให้โลกรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เราบูชาสักการะนั้นเป็นพระเจ้าที่ห่วงใยคนยากจน ปลอบโยนคนที่มีใจชอกช้ำ ให้อิสรภาพแก่เชลย ปลดปล่อยผู้ถูกจองจำ ทรงให้ความยุติธรรมแก่ทุกคน(อสย. 61:1-2,11)
สิ่งสำคัญซึ่งเป็นที่น่าสังเกตอย่างมากในการทำหน้าที่ประกาศข่าวดีของประกาศกอิสยาห์ คือ ท่าทีของท่านเอง ที่แสดงให้เห็นว่าตนเองเป็นเพียง “ข้ารับใช้ของพระเจ้า” เท่านั้น ตามข้อความจากพระคัมภีร์ที่ว่า “พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิม..และทรงส่งข้าพเจ้า”
ท่าทีเช่นนี้เราพบได้อีกครั้งหนึ่งในบทพระวรสารของนักบุญยอห์น 1:6-8, 19-28 ซึ่งเราได้ยินชื่อของประกาศกอีกท่านหนึ่งคือ ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง หรือยอห์น แบ๊สติส “ยอห์นมาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง เขาไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง แสงสว่างแท้จริงซึ่งส่องแก่มนุษย์ทุกคนกำลังจะมา”(ยน 1:7-9) เมื่อมีคนถามท่านว่าท่านเป็นใคร ท่านมิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า ท่านมิได้เป็นพระคริสต์ และไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญๆที่ชาวยิวอ้างถึงด้วยไม่ว่าจะเป็นประกาศกเอลียาห์หรือประกาศกอื่นๆ แต่ “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่าจงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” (ยน 1:23) ในช่วงเวลานั้นท่านยอห์น แบ๊สติสเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป มีลูกศิษย์และคนนับหน้าถือตามากมาย แต่ ถ้าท่านต้องการมีชื่อเสียงโด่งดัง เหมือนนักการเมืองหรือบุคคลในสมัยนี้ ท่านย่อมฉวยโอกาสนี้สร้างชื่อเสียงหรือเรียกคะแนนนิยมให้ตนเองได้ แต่ท่านไม่ทำเช่นนั้น กลับประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า “ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” (ยน 1:27)
พระวาจาของพระเจ้าในวันอาทิตย์นี้ต้องการบอกอะไรเรา
ในฐานะที่เราได้รับเรียกมาให้เป็นคริสตชน การเป็นคริสตชนของเรานั้นทั้งในชีวิตของแต่ละคนและในชีวิตชุมชน เราต่างได้รับหน้าที่ให้ทำการประกาศข่าวดีเรื่องของพระเยซูเจ้าให้ทุกคนได้รับฟัง เราทุกคนจะต้องกระทำตนให้เป็นดั่งประกาศกอิสยาห์และยอห์น แบ๊สติส คือ เป็นพยานถึงแสงสว่างที่แท้จริงของโลก ด้วยการดำเนินชีวิตที่ดี จนทำให้คนอื่นๆได้เห็นพระเจ้าจากการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เราจะต้องกระทำตัวของเราให้เป็นเสมือนป้ายชี้ทาง ที่นำคนเดินทางไปสู่เป้าหมายด้วยความถูกต้องและปลอดภัย ป้ายยิ่งชัดยิ่งละเอียด คนเดินทางก็ปลอดภัยมากเท่านั้น ชีวิตของเราจึงควรโปร่งใส อ่านง่าย ชัดเจน ไม่เย่อหยิ่ง ไม่อวดตัว แต่สุภาพถ่อมตน
ในบทจดหมายของนักบุญเปาโลได้แนะนำให้เราได้ทำหน้าที่ของการเป็นผู้ประกาศข่าวดี ด้วยความร่างเริงยินดี ด้วยการภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี(เทียบ 1ธส 5:16-18)
สิ่งท้าทายเราจากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้ เราได้สำนึกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเราบางไหม คนอื่นๆได้มองเห็นหรือสัมผัสพระเจ้าจากการดำเนินชีวิตของได้หรือไม่ เราเป็นคนที่ยังมีความต้องการที่จะให้คนอื่นยกย่องชมเชย หรือพยายามทำตัวเองให้ใหญ่ขึ้นหรือไม่ เรามีความสุภาพถ่อมตนเพียงพอหรือไม่ การเป็นคริสตชนที่ดีนั้นคือ การดำเนินชีวิตที่ทำให้ทุกคนมองเห็นพระเจ้าในตัวของเราทั้งด้วยการกระทำและด้วยคำพูด
-----------------------------
ข้อปฏิบัติ
• จงเป็นคนที่สุภาพถ่อมตน กระทำสิ่งต่างๆเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
• จงเป็นผู้ประกาศข่าวดีของพระเจ้า ทั้งด้วยการกระทำและคำพูด
• ตลอดอาทิตย์นี้ให้หาโอกาสเล่าเรื่องวันคริสต์มาสให้เพื่อนๆที่ยังไม่รู้สักสองคน และชวนเชิญเพื่อนมาร่วมฉลองวันคริสต์มาสที่วัดของเรา