ข.พระคัมภีร์และคำสอน           
        1.บทอ่านที่หนึ่ง (บสร 35:12-14,16-18) เป็นบทอ่านที่ทำให้เราเข้าใจพระวรสารเรื่องการภาวนาได้อย่างดี หนังสือบุตรสิราสอนว่า “คำอธิษฐานของผู้ต่ำต้อยทะลุเมฆขึ้นไป และจะไม่หยุดจนกว่าพระเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยม” การภาวนาเช่นนี้ได้รับฟังเพราะมาจากหัวใจของคนที่รู้ว่าพวกเขาต้องการพระเจ้าเพียงไร พระเจ้าทรงสนพระทัยเป็นพิเศษกับคำภาวนาของคนที่ถูกกดขี่ เด็กกำพร้า และหญิงม่าย ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีใครสนใจและช่วยเหลือตนเองไม่ได้ การภาวนาที่ดีที่สุดคือความสุภาพและการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัว
        2.บทอ่านที่สอง (2ทธ 4:6-8,16-18) น.เปาโลบุคคลที่เคยเป็นฟารีสีมาก่อน ได้ปฏิบัติตนเป็นคนที่สุภาพถ่อมตนยอมรับว่าภารกิจต่างๆ ของท่านสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดีก็โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า ท่านขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้ทรงช่วยเหลือท่านให้เอาชนะอุปสรรคต่างๆ เพื่อรักษาศรัทธาของท่านที่มีต่อพระเจ้า
        3.พระวรสาร (ลก 18:9-14) เป็นเรื่องเล่าโดยการเปรียบเทียบท่าทีของการภาวนาระหว่างฟาริสีกับคนเก็บภาษี พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราว่าพระเจ้าทรงสดับฟังคำภาวนาของบุคคลที่เข้าหาพระองค์ด้วยดวงใจที่สุภาพ ในเวลาเดียวกันพระองค์ไม่สดับฟังคำภาวนาของฟารีสีเพราะว่าพวกเขามักยกย่องตนเอง พวกเขาภาวนาขอบพระคุณพระเจ้าที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายเหมือนคนอื่นๆ พวกเขาเล่าถึงความดีต่างๆ ของพวกเขา ส่วนคนเห็บภาษีนั้นภาวนาว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” นี้แสดงให้เห็นความสุภาพถ่อมตนของตนเอง ยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาปและขอความเมตตาจากพระเจ้า

    
ค.ปฏิบัติ          
         1. “อย่าโอ้อวดเหมือนฟารีสี แต่จงสุภาพเหมือนคนเก็บภาษี” เราจะเป็นคนที่เย่อหยิ่งจองหองเหมือนฟารีสีถ้าเรามักจะพูดคุยถึงเรื่องความสำเร็จของตนเองโดยไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เมื่อเราต้องการให้คำกล่าวชื่นชมเรา และอยากให้คนระลึกถึงเรา หรือเมื่อเราดูถูกคนอื่น ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ พูดให้ร้าย ทำร้ายความรู้สึกของผู้อื่น พระวรสารในวันนี้ พระเยซูทรงท้าทายเราให้เลียนแบบคนเก็บภาษีโดยสำนึกตนเสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราขึ้นอยู่กับพระเจ้าและพระหรรษทานของพระองค์ โดยการสารภาพความผิดของเรา (สวดบทแสดงความทุกข์) และขอให้พระองค์ทรงให้อภัยความผิดบาปต่างของเราในแต่ละวัน โดยการมองความดีและไวต่อความดีของผู้อื่นแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ และพูดให้กำลังใจผู้อื่นเสมอ
        2.”ภาวนาให้ครบทุกมิติ” ในการภาวนาส่วนตัวของเรา เราต้องภาวนาให้ครบทุกมิติชีวิต เราต้องขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพรที่พระเจ้าประทานให้ ภาวนาของอภัยและการยกโทษเมื่อเราทำความผิดบาปในชีวิต เราสรรเสริญและนมัสการพระเจ้าสำหรับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราภาวนาวอนขอความช่วยเหลือเมื่อมีความจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน และเพื่อจะได้เอาชนะการประจญต่างๆ
         3.ให้เราร่วมมือกันประกาศข่าวดีของพระเจ้า ด้วยการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน พบปะติดต่อ สังสรรค์ สมาคมกันด้วยความสุภาพถ่อมตน