งานเมตตาจิตด้านร่างกาย
งาน เมตตาจิตด้านร่างกายคือการปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องที่ยาก ลำบากและต้องการความช่วยเหลือด้านร่างกายและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ประกอบด้วย
1. การให้อาหารคนหิวโหย
2. การให้น้ำดื่มแก่ผู้กระหาย
3. การให้เสื้อผ้าแก่ผู้ไม่มีนุ่งห่ม
4. การให้ที่พักแก่ผู้ไร้ที่อยู่
5. การเยี่ยมผู้ป่วย
6. การเยี่ยมผู้ถูกจองจำ
7. การฝังศพผู้ล่วงลับ
ในพระวรสารของนักบุญมัทธิว เราพบคำสอนของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับงานเมตตาจิตด้านร่างกาย 6 ประการแรก ดังนี้
“แล้ว พระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลกเพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา
“บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไป เยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’” (มธ 25:34-40)
นอกจากนั้น ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเราพบงานเมตตาจิตฝ่ายกายเรื่อง “การฝังศพผู้ล่วงลับ” จากหนังสือโทบิต
งานเมตตาจิตด้านจิตใจ
งานเมตตาจิตด้านจิตใจ คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องของเราในความต้องการด้าน วิญญาณ ด้านจิตใจ ด้านอารมณ์และความรู้สึกของเขา
งานเมตตาจิตด้านจิตใจประกอบด้วย
1. การสอนผู้ไม่รู้ คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือผู้อื่นให้เรียนรู้ถึงความจริงที่พวกเขาจำ เป็นต้องรู้เพื่อความรอดพ้นของวิญญาณ ดังที่พระเยซูเจ้าทรงสั่งอัครสาวกให้ไปประกาศข่าวดีแก่มวลมนุษย์ “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง” (มก 16:15)
2. การให้คำปรึกษาแก่ผู้สงสัย คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือผู้อื่นให้มั่นใจในสิ่งที่เขาพึงปฏิบัติ เพื่อแสดงความรักต่อพระเจ้าและรับใช้พระองค์ ในการให้คำปรึกษาแก่ผู้สงสัย เราทำตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลายเราให้สันติสุขของเราแก่ท่านเราให้สันติ สุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย” (ยน 14:27)
3. การบรรเทาผู้มีความทุกข์ คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังมีความทุกข์ให้ได้รับความ บรรเทาใจ หรืออาจเป็นการละเว้นการกระทำบางอย่างที่จะทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ด้วยกิจการแห่งความรักนี้ เรากำลังนำผู้ที่มีความทุกข์ไปหาพระเยซูเจ้าตามที่พระองค์ทรงสอนว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน” (มธ 11:28)
4. การตักเตือนคนบาป คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือพี่น้องของเราที่ได้กระทำบาปให้ตระหนักถึง ผลร้ายของบาป กิจการแห่งความรักนี้กระทำโดยการช่วยเพื่อนพี่น้องไม่ให้ทำบาปหรือช่วยเขา ให้พ้นจากโอกาสบาป หรือช่วยแนะนำหรือนำเขาไปรับศีลอภัยบาป บางครั้งกิจการนี้อาจทำโดยการเป็นตัวอย่างที่ดีโดยมีเจตนาเพื่อให้เพื่อนพี่ น้องผู้ทำบาปได้ตระหนักถึงผลร้ายของบาป กลับใจ และสำนึกผิด พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับ ใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจ” (ลก 15:7)
5. การอดทนผู้กระทำผิด คือ กิจการแห่งความรักที่เราอดทนต่อความทุกข์ ความไม่สะดวก หรือผลร้ายที่ตามมาจากการกระทำผิดของผู้อื่น พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เราในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์แต่ก็ทรงอดทนยอมรับความทุกข์ทรมานและความตายบน ไม้กางเขน เพื่อกอบกู้มนุษย์ให้รอดพ้นจากบาป พระองค์ทรงสอนเราว่า “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน” (ลก 6:27-28)
6. การให้อภัยแก่ทุกคนที่ทำร้าย คือ กิจการแห่งความรักขั้นสูงที่เราให้อภัยแก่ผู้ที่ทำร้ายเราไม่ว่าจะเป็นทาง ร่างกายหรือจิตใจ พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่างและทรงสอนเราให้ให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา ในบทข้าแต่พระบิดาพระองค์ทรงสอนเราให้ภาวนาต่อพระบิดาว่า “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าเหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” (มธ 6:12)
7. การสวดภาวนาให้ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่สิ้นใจไปแล้ว เป็นกิจการที่เราแสดงความเชื่อและความเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนพี่น้องใน สหพันธ์นักบุญ สิ่งนี้เป็นกิจการที่เราแผ่ขยายความรักของพระเจ้าไปยังเพื่อนพี่น้องทั้งที่ ยังมีชีวิตอยู่และวิญญาณในไฟชำระที่จากโลกนี้ไปแล้ว การทำกิจการแห่งความรักนี้เป็นการทำตามพระประสงค์ของพระเยซูเจ้าที่ทรงภาวนา ต่อพระบิดาในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายว่า “ข้าแต่พระบิดา ผู้ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้เขาอยู่กับข้าพเจ้า ทุกแห่งที่ข้าพเจ้าอยู่เพื่อเขาจะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ซึ่งพระองค์ประทาน แก่ข้าพเจ้า” (ยน 17:24)