ส่วนอาภรณ์สำหรับการประกอบพิธีกรรมหรือที่เราเรียกว่าอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ (sacred vestments) นั้นคือสิ่งที่สมณะสวมใส่เพื่อประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ โดยจะสวมอาภรณ์ที่เรียกว่า “อัลบา”(alba) ซึ่งเป็นเสื้อสีขาวยาวถึงข้อเท้า ในปัจจุบันอาจจะมีสายรัดเอวหรือไม่มีก็ได้ แต่ในสมัยก่อนสังคายนาวาติกันที่สองสายรัดเอวนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เสมอ ดังนั้นเสื้อหล่อจึงไม่ใช่อาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์
เสื้อหล่อจะมีสีเพื่อบ่งบอกถึงสมณศักดิ์ของผู้สวมใส่ กล่าวคือ สมณะทั่วไปจะสวมเสื้อหล่อสีดำ พระสังฆราชจะสวมเสื้อหล่อสีม่วง พระคาร์ดินัลจะสวมเสื้อหล่อสีแดง และพระสันตะปาปาจะสวมเสื้อหล่อสีขาว ส่วนนักบวชจะมีสีเสื้อหล่อตามข้อกำหนดของแต่ละคณะ แต่โดยส่วนมากจะเป็นสีดำ น้ำตาล หรือสีเข้ม เป็นต้น
สีของเสื้อหล่อจะเป็นสีเดียวกับหมวก zucchetto หรือหมวกเล็กที่สมณะหรือนักบวชใช้สวมกลางศีรษะเพื่อปกปิดกันความหนาว เนื่องจากสมณะและนักบวชในสมัยก่อนต้องโกนศีรษะตรงกลาง เป็นเครื่องหมายของการตัดสละโลกเข้าสู่ชีวิตสมณะหรือนักบวช
ปัจจุบัน zucchetto ใช้กับพระสังฆราช พระคาร์ดินัลและพระสันตะปาปาเท่านั้น สมณะและนักบวชทั่วไปแทบไม่ได้ใช้แล้ว และยังรวมถึงหมวก biretta ซึ่งเป็นหมวกที่มีสามแฉกหรือสี่แฉกด้วย ปัจจุบันมีแต่พระสังฆราชและพระคาร์ดินัลที่ใช้อยู่ ส่วนพระสันตะปาปาจะไม่ใช้biretta แต่จะใช้หมวกที่เรียกว่า camauro คามาอูโร แทน
หลังสังคายนาวาติกันที่ 2 ได้มีการอนุญาตให้สมณะและนักบวชที่อยู่ในประเทศเขตร้อน เปลี่ยนสีเครื่องแบบจากดำหรือสีเข้มมาเป็นสีขาวได้ เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศของภูมิประเทศ ดังนั้น เราจึงเห็นว่าในปัจจุบัน สมณะที่อยู่ในประเทศเขตร้อน ได้มีการใช้เสื้อหล่อแทนเสื้ออัลบาในการประกอบพิธีกรรม เพราะว่ามีสีขาวและมีรูปลักษณ์ที่ยาวถึงข้อเท้าคล้ายคลึงกัน แต่อันที่จริงแล้วมีคำแนะนำทางด้านพิธีกรรมระบุไว้อย่างชัดเจนว่า อัลบา คืออาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แยกเอาไว้เพื่อการประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เสื้อหล่อ หลักการเป็นเช่นนี้ส่วนการปฏิบัติจริงก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ สิ่งสำคัญคือ การเข้าใจถึงความหมายอันเป็นที่มาของข้อกำหนดมากกว่า