พระเจ้าองค์ความรัก เปิดเผยพระองค์อย่างชัดเจนในองค์พระเยซู (ข้อ 8-9, 13)
พระบิดาทรงส่งพระเยซูเจ้า ลงมาเจริญชีวิตอย่างยากจน อยู่เคียงข้างคนบาปและคนต่ำต้อยทุกรูปแบบ ในสมัยของพระองค์ ทรงสอนด้วยวาจาและกิจการที่ชัดเจน และทรงอุทิศมอบชีวิตของพระองค์รับทรมานและตายบนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปของมนุษย์ตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า เผยให้เห็นถึงความรักเมตตาที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงมีต่อมนุษย์ทุกคน
ดังนี้ พระสงฆ์ นักบวช ผู้บริหาร ครู นักเรียน หรือบุคลากร (คริสตชน) ที่ทำงานหรืออยู่ร่วมกันในโรงเรียนคาทอลิก ต้องเจริญชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าโดยการอุทิศตน ทำภารกิจการงานที่ตนเองรับผิดชอบอย่างเต็มศักยภาพ อยู่เคียงข้าง และช่วยเหลือคนยากจนและผู้รอคอยโอกาส รวมถึงอภิบาลดูแลครอบครัวของนักเรียน เป็นต้นครอบครัวที่แตกแยก หรือประสบปัญหาต่าง ๆ
ผู้ทำงานด้านการศึกษาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี บริหารและอภิบาลด้วยแนววิถีคริสตชนทั้งด้วยความคิด วาจา และกิจการที่เป็นรูปธรรมในฐานะเป็นคริสตชนหรือศิษย์พระคริสตเจ้า รวมถึงพยายามให้ผู้นับถือต่างความเชื่อที่อยู่ในโรงเรียนคาทอลิก ไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียน บุคลากร ผู้ปกครอง หรือชุมชนใกล้เคียง ได้มีประสบการณ์และซึมซับบรรยากาศคาทอลิก และสัมผัสได้ถึงชุมชนคริสตชนที่มีความรัก และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อาศัยการเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตจริง สิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นการทำหน้าที่ “ศิษย์ธรรมทูต” และเป็นแรงผลักดันช่วยให้ชีวิตคริสตชนของเราเติบโตเข้มแข็งแล้ว ยังถือเป็นการประกาศข่าวดีใหม่แก่เพื่อนพี่น้องรอบข้างด้วย เรามีหน้าที่ทำภารกิจของพระเยซูเจ้า ส่วนพระจิตเจ้าจะทรงเป็นผู้ทำให้เติบโตและเกิดผลเอง
การพบปะส่วนบุคคลกับพระเยซูเจ้า และ การกลับใจ (ข้อ 10-11, 14)
กฤษฎีกาฯ แบ่งกลุ่มคนออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ
(1) คริสตชนที่ปฏิบัติศาสนกิจเป็นประจำ
(2) คริสตชนที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามพันธกิจ
(3) ผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเยซูคริสตเจ้า
ทั้งสามกลุ่มนี้ ต้องได้รับการสนับสนุนและเอื้ออำนวยให้พวกเขาได้รับรู้และมีประสบการณ์ส่วนบุคคลกับพระเยซูคริสตเจ้าได้สัมผัสถึงความรักของพระองค์ ซึ่งจะทำให้เกิดการกลับใจตามมา อีกทั้ง “คริสตชนรุ่นพี่” หรือผู้ที่เข้มแข็งด้านความเชื่อ จะต้องเป็นแบบอย่าง และแบ่งปันชีวิตให้กับ “คริสตชนรุ่นน้อง” ผู้ที่กำลังเติบโตด้านความเชื่อ รวมถึงผู้สนใจจะรับฟังข่าวดีของพระเยซูเจ้า ซึ่งในโรงเรียนคาทอลิกถือเป็น “สนามและฐานแห่งการประกาศข่าวดี” ที่สำคัญ ซึ่งนักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนคาทอลิกมากกว่าร้อยละ 75 เป็นผู้ที่นับถือความเชื่ออื่น (เช่น พุทธ อิสลาม) พวกเขาเหล่านี้ ควรได้รับการซึมซับและหล่อหลอม ด้วยหลักการบริหารและอบรมอภิบาลตามแนวทางคาทอลิก ข่าวดีของพระคริสตเจ้าจะถูกประกาศอย่างสม่ำเสมอ ทั้งแบบโดยตรงและโดยอ้อม การสร้างบรรยากาศของโรงเรียนคาทอลิก การอบรมดูแลติดตามนักเรียนอย่างใกล้ชิด การมีความรักเมตตาควบคู่กับความยุติธรรม รวมถึงการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้บริหารและครู ให้กับบรรดานักเรียนและผู้ปกครอง สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ที่พบปะหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนคาทอลิกได้มีประสบการณ์หรือสัมผัสได้ถึงบรรยากาศและอารยธรรมแห่งความรัก (ของพระเยซูคริสตเจ้า) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของโรงเรียนคาทอลิกเอง และยังถือเป็นรูปแบบที่ชัดเจนของการประกาศข่าวดีใหม่อีกด้วย
การหล่อเลี้ยงชีวิตความเชื่อด้วยพระวาจา พิธีกรรม ศีลศักดิ์สิทธิ์ และชุมชนคริสตชน (ข้อ 12)
ต้นไม้ต้องการน้ำ ปุ๋ย สารอาหาร และอากาศ เพื่อหล่อเลี้ยง กิ่ง ก้าน ใบ ลำต้นให้เติบใหญ่แข็งแรงฉันใด ชีวิตคริสตชนก็ฉันนั้น ต้องได้รับการหล่อเลี้ยงชีวิตจิตวิญญาณด้วยพระวาจาพิธีกรรม และศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้โรงเรียนคาทอลิกจึงต้องซื่อสัตย์ต่อพันธกิจนี้อย่างจริงจังและสม่ำเสมอ เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตความเชื่อของนักเรียนและครูคาทอลิกผ่านทางการส่งเสริมให้มีการสวดภาวนาประจำวัน ทั้งที่บ้านและโรงเรียน การจัดให้มีการสอนคำสอนในโรงเรียน การบริการศีลอภัยบาปให้นักเรียน พิธีบูชาขอบพระคุณในวันศุกร์ต้นเดือน การขับร้องเพลงศักดิ์สิทธิ์ การจัดให้มีวจนพิธีกรรมในโอกาสต่าง ๆ การจัดงานในโอกาสวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ เช่น ฉลองศาสนามของวัดและของโรงเรียน การเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส รวมถึงการเตรียมนักเรียนเพื่อรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ศีลกำลัง และการรื้อฟื้นคำสัญญาของศีลล้างบาปอย่างสง่า รวมถึงกิจกรรมตามองค์กรคาทอลิก เช่น ยุวธรรมทูต กองหน้าพลศีล วาย.ซี.เอส. เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนหล่อเลี้ยงและฟื้นฟูชีวิตความเชื่อของบรรดานักเรียนและครูคาทอลิก อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือประกาศข่าวดีให้กับผู้นับถือความเชื่ออื่นอีกทางหนึ่ง
สิ่งสำคัญและทรงพลังมากที่สุดในการ เป็น “ศิษย์พระคริสต์ เจริญชีวิต ประกาศข่าวดีใหม่” คือ การเดินตามคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า ด้วยการเจริญชีวิต เป็นคริสตชนรุ่นพี่ที่เป็นแบบอย่างดีให้กับทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา ทั้งด้วยความคิด วาจา พฤติกรรม และกิจการที่เป็นรูปธรรม รวมถึงอุทิศตนทุ่มเทให้กับพันธกิจที่พระเจ้าประทานให้กับเรา ควบคู่กับการหล่อเลี้ยงชีวิตจิตของเราด้วยการภาวนา พิธีกรรม และศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆนี่คือ เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ ของการดำเนินงานของโรงเรียนคาทอลิก เป็นต้นของพระศาสนจักรคาทอลิก ในประเทศไทยของเรา
( จากคอลัมน์ การเจริญชีวิตคริสตชนในโรงเรียนคาทอลิก : บทไตร่ตรองจากกฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ค.ศ. 2015 โดย คุณพ่อสมเกียรติ จูรอด @ สารสังฆมณฑลราชบุรี ปีที่ 36 ฉบับที่ 2 เดือนกันยายน - ธันวาคม 2017)